อยากหน้าเด็กด้วยสารกระตุ้นคอลลาเจน ระหว่าง Sculptra vs Radiesse ต่างกันยังไง? เลือกฉีดตัวไหนดีกว่ากัน?

Sculptra และ Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่กำลังนิยมในปี 2024 ซึ่งทั้ง 2 อย่างมีความใกล้เคียงกันในผลลัพธ์เรื่องผิวอิ่มฟู เติมเต็ม และยกกระชับใบหน้า  คำถามที่พบเจอบ่อยมาก ‘Sculptra และ Radiesse อะไรดีกว่ากัน? ควรเลือกฉีดตัวไหน?’ บทความนี้หมอได้รวบรวมผลงานวิจัยความรู้และบทสรุปมาแล้วครับ

เลือกอ่านหัวข้อ 

  • Sculptra คือ
  • Radiesse คือ
  • ส่วนประกอบสำคัญของ Sculptra และ Radiesse
  • อนุภาคและหลักการทำงานของ Sculptra และ Radiesse
  • Sculptra และ Radiesse ช่วยแก้ปัญหาผิวต่างกันอย่างไร ? 
  • ตำแหน่งการฉีด Sculptra และ Radiesse
  • เปรียบเทียบผลลัพธ์หลังทำ Sculptra และ Radiesse
  • สรุปจุดเด่นของ Sculptra และ Radiesse
  • เปรียบเทียบราคา Sculptra และ Radiesse
Sculptra และ Radiesse คืออะไร?

Sculptraคือ
Sculptra คือ สารกระตุ้นคอลลาเจนในรูปแบบฉีด มีส่วนประกอบหลักคือ Poly-L-lactic acid (PLLA) ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวหน้าดูกระชับและคุณภาพผิวที่ดีขึ้น sculptra เป็น biostimulator ได้รับการรับรองจาก FDA จากสหรัฐอเมริกา ในปี 1999  

Radiesseคือ
Radiesse คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ชนิดพิเศษ ที่ประกอบด้วย CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite ให้ผลลัพธ์ในการเติมวอลุ่มให้ผิวแบบเห็นผลทันที 

 

ส่วนประกอบของ Sculptra และ Radiesse

ส่วนประกอบของ Sculptra 
Poly L lactic acid คือ สารกระตุ้นคอลลาเจนในรูปแบบฉีด ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด ผลิตจากธรรมชาติ เป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการยอมรับโดย FDA (องค์กรด้านอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา)
CMC หรือ Carboxymethylcellulose สารที่ช่วยเลียนแบบโครงสร้างผิว ในการสร้างคอลลาเจนได้อย่างสมบูรณ์ ปลอดภัย
Non pyogenic mannitol สารที่ทำให้อนุภาคทั้งหมดเสถียรเข้าด้วยกัน จัดอยู่ในสารที่อเมริการับรองในความปลอดภัยสูงสุด

ส่วนประกอบของ Radiesse 
CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite (30%) เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายกับแคลเซียมและฟอสเฟตที่พบในกระดูกและเนื้อเยื่อในร่างกายมนุษย์ เป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการยอมรับโดย FDA (องค์กรด้านอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา) และใช้ในการกระตุ้นคอลลาเจนในรูปแบบฉีด
CMC หรือ Sodium Carboxymethylcellulose(70%) สารที่ช่วยเลียนแบบโครงสร้างผิว ในการสร้างคอลลาเจนได้อย่างสมบูรณ์ ปลอดภัย
 

อนุภาคและหลักการทำงานของ Sculptra และ Radiesse

Sculptra จะมีอนุภาคใหญ่และมีลักษณะหยาบเปรียบเสมือนเศษแก้วเล็ก ๆ ขนาด  40 - 63 Micron กระบวนการทำงานจะทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ซึ่งการอักเสบของของผิวจะอยู่ในระดับที่พอดี เมื่อเกิดการอักเสบของผิวจะช่วยในการกระตุ้นการทำงานของ Fibroblast ทำให้คุณภาพผิวดีขึ้น 

Radiesse อนุภาคเรียบเนียนเปรียบเสมือนผงไข่มุกมีขนาดเล็ก 25-45 mocron ทำให้เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะทำให้การทำงานของ fibroblast มีการยืดหยุ่นได้ดีขึ้น มีการปรับปรุงที่ดีในการจัดเรียงชั้นคอลลาเจน ทำให้ผิวดูละมุน ช่วยเติมเต็มร่องลึกได้ทันที 

ขนาดและชนิดของอนุภาค Sculptra และ Radiesse ส่งผลให้การทำงานนั้นต่างกัน

  • Sculptra จะเด่นในเรื่องกระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่หนึ่งได้สูงสุดถึง 66.5% เน้นเรื่องการยกกระชับ แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย
  • Radiesse จะเด่นในเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจน อิลาสติน รวมถึงสารให้ความชุ่มชื้น เน้นเรื่องเติมเต็มวอลลุ่ม ปรับโครงหน้า และช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวตื้น ๆ เพื่องานผิวกระจก 
Sculptra และ Radiesse ช่วยแก้ปัญหาผิวต่างกันอย่างไร ?

Sculptra ช่วยอะไร 
มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเกิดความเต่งตึง ช่วยยกกระชับผิวให้กระชับขึ้น ใบหน้าดูเรียวเล็กลง ได้รูปหน้าที่ละมุนขึ้น ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู ริ้วรอยเล็กๆลดลง รวมถึงยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว

Radiesse ช่วยอะไร 
เติมวอลลุ่มร่องลึก ร่องน้ำหมาก ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ขมับตอบ แก้มตอบ สร้าง Jawline ให้ชัด ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้กับผิวชั้นตื้นๆ เน้นงานผิวกระจก ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว แน่นฟู  และช่วยแก้ปัญหาผิวบริเวณบริเวณหลังมือและคอได้เป็นอย่างดี

ตำแหน่งการฉีด Sculptra และ Radiesse

ตำแหน่งการฉีด Sculptra

PLLA จะฉีดบริเวณขมับ หน้าหู ใต้โหนกจนถึงแนวกราม การฉีดบริเวณนี้จะช่วยยกใบหน้าได้ทั้งหมด ปรับรูปหน้าให้มีความละมุนแบบธรรมชาติ แก้ปัญหาหน้าตกได้อย่างดี ยกกระชับผิวตามแรงทิศทางที่ต้องการได้ โดยเมื่อร่วมกับเทคนิคการฝังคอลลาเจนสามทิศทาง(Sculpt TDC) ซึ่งทำได้ในการลงเข็มเพียงจุดเดียวแล้วใช้เข็มทู่ขนาดพิเศษ จะทำให้เกิดผลลัพธ์การยกใบหน้าได้สูงสุด โดยใช้ปริมาณเพียง 1 ขวด(10 ซีซี)ต่อใบหน้าเท่านั้น
 

ตำแหน่งการฉีด Radiesse 

CaHA สามารถเติมร่องลึกต่างๆ เช่น ขมับ ใต้ตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก แก้มตอบ ซึ่งสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด และด้วยคุณสมบัติที่กระตุ้นทั้งคอลลาเจนและอิลาสติน จึงสามารถสร้างผิวใหม่ได้ทุกบริเวณ รวมถึงลำคอ เนินอก และหลังมือให้มีความแน่น เรียบเนียน ชุ่มชื้น ฉ่ำวาวได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากร่วมกับเทคนิค CaHA HTC ที่เป็นเทคนิคการฉีดสานตาข่ายเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนสูงสุด และการผสมความเข้มข้นของอนุภาคให้เหมาะสมกับแต่ละตำแหน่งที่ต้องการ ก็จะให้เกิดผลลัพธ์ที่คุ้มค่าสูงสุดอย่างปลอดภัยครับ

เปรียบเทียบผลลัพธ์หลังทำ Sculptra และ Radiesse
 

ผลลัพธ์ Sculptra

ผลลัพธ์หลังทำใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ผลลัพธ์จะยิ่งชัดเจนขึ้น อยู่ได้นานถึง 2 ปี 

 

ผลลัพธ์ Radiesse

ผลลัพธ์เห็นผลทันทีหลังฉีดและผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 1 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปี 

 

สรุปจุดเด่น PLLA vs CaHA

สรุปจุดเด่นของ Sculptra และ Radiesse 
จุดเด่น Sculptra (PLLA) : 
1. เน้นยกกระชับ แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย
2. ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว โดยเฉพาะหลุมสิว

จุดเด่น Radiesse (CaHA) : 
1. เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที 
2. เน้นปรับปรุงคุณภาพผิว สุขภาพผิวดีทุกมิติ
3. เติมเต็มร่องลึกใบหน้า รวมถึงคอและหลังมือ

สำหรับใครอยากฟังข้อมูลเปรียบเทียบความต่างของ Sculptra และ Radiesse แบบละเอียดเพิ่มเติมสามารถฟังข้อมูลฉบับเต็มได้ที่ Youtube เนื้อหาเข้าใจง่ายและข้อมูลครบถ้วนดูจบแล้วเข้าใจมากขึ้นแน่นอนครับ


Sculptra ราคาที่อิสสีร์คลินิก
1 กล่อง(10 ซีซี)           35,000 บาท/กล่อง(ปกติกล่องละ 60,000บาท)
2 กล่อง(20 ซีซี)           33,000 บาท/กล่อง
3 กล่อง(30 ซีซี)           31,000 บาท/กล่อง

4 กล่องขึ้นไป        29,000 บาท/กล่อง(Hot!)


Radiesse ราคาที่อิสสวีร์คลินิก 
1 กล่อง                   36,000 บาท/กล่อง (ปกติกล่องละ 50,000บาท)

2 กล่องขึ้นไป         33,000 บาท/กล่อง (Hot!)

Customer Reviews

 

 

ติดต่อเรา/ปรึกษาแพทย์