ISSAVEE CUSTOMER REVIEW
ISSAVEE CUSTOMER REVIEW

การเติมไขมันหน้า เติมไขมันหน้าเด็ก หรือที่เรียกว่า Fat grafting คือ เทคนิคในการย้ายเซลล์ไขมัน (Adipose tissue) จากบริเวณหนึ่ง เช่น หน้าท้อง หรือ ต้นขา แล้วนำไปฉีดเติมบริเวณใบหน้า เพื่อช่วยแก้ปัญหาความชราและหย่อนคล้อยของใบหน้า รวมถึงการช่วยให้ผิวมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเซลล์ไขมันจากไขมันตัวเอง (Autologous fat graft) จะมีความเข้ากันได้กับร่างกาย 100% ให้ผลลัพธ์ที่นิ่ม ดูเป็นธรรมชาติ

การฉีดไขมัน เริ่มมีการทำครั้งแรกตั้งแต่ ค.ศ. 1889 ทั้งการรักษาคนไข้โรคแต่กำเนิด คนไข้ไฟไหม้ จนพัฒนามาเรื่อย ๆ และเริ่มเป็นที่นิยมตั้งแต่ ค.ศ. 1990 เริ่มเป็นวิธีการรักษาทางด้านความงาม ทั้งเติมใบหน้า เติมหน้าอก ฝ่ามือ และด้วยประวัติการรักษาที่ยาวนาน จึงทำให้หมอมั่นใจในวิธีการ และผลลัพธ์ที่ได้ในวิธีการฉีดไขมันนี้

แก้ 3 ปัญหาใบหน้า ด้วยการเติมไขมัน

1. ทำให้หน้าเด็กลง เติมไขมันที่ฝ่อหายไป

แรงโน้มถ่วงทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อย และเกิดร่องต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ขมับบุ๋ม หน้าผากบุ๋ม นอกจากนี้ การที่ Volume ใบหน้าหายไป จากชั้นผิวหนังบางลง กล้ามเนื้อฟีบลง ไขมันแฟ่บลง และกระดูกที่บางลง ก็เป็นสาเหตุให้ใบหน้าดูมีอายุ เราจึงสามารถเดาอายุจากใบหน้าได้

การเติมไขมัน จึงสามารถช่วยแก้ปัญหาที่ Volume ใบหน้าหายไป ทำให้ใบหน้าดูเด็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนภาวะที่ผิวหนังหย่อนคล้อย ก็ดีขึ้นได้ด้วยจากการเติมไขมัน ยกเว้นท่านที่เป็นมากแล้ว ก็ต้องใช้การยกกระชับด้วยวิธีอื่น ๆ ร่วมด้วย

2. ปรับรูปหน้าให้ละมุนขึ้น

หลายท่านอาจไม่ได้ต้องการฉีดเพื่อให้หน้าเด็กลง แต่ต้องการให้ใบหน้าดูหวานละมุน ได้รูปมากขึ้น การเติมไขมันในบริเวณขมับ และหน้าผาก รวมถึงใต้โหนก ใต้ตา ลดการเห็นมุมกระดูกต่าง ๆ จะช่วยให้ รูปหน้าดูมีความโค้งมนที่สวยมากขึ้น จึงทำให้ใบหน้าดูละมุนได้รูปมากยิ่งขึ้น

3. ทำให้คุณภาพผิวดีขึ้น ทั้งความกระชับ และความเรียบเนียนของผิว

เนื่องจากในไขมันที่นำมาฉีด จะประกอบด้วยส่วนประกอบหลายอย่างนอกจากเซลล์ไขมัน โดยส่วนที่เรียกว่า AD-SVF จะมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ทำให้ระบบเส้นเลือดใบหน้าดีขึ้น และยังมี stem cell ที่ช่วยผิวอ่อนเยาว์ขึ้น คอลลาเจนดีขึ้น ผิวยืดหยุ่นขึ้น รูขุมขนเล็กลง

 

การเตรียมไขมัน เพื่อนำไปฉีด

ในการเติมไขมันหน้าเด็ก หรือเติมไขมันบริเวณส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่นหน้าอก จะประกอบด้วยขึ้นตอนหลัก ๆ 3 ขั้นตอน ในการเตรียมไขมัน ได้แก่

1. ขั้นตอนการเก็บไขมัน

การเก็บไขมัน เป็นขั้นตอนแรกที่มีความสำคัญมาก โดยการเก็บสำหรับฉีดใบหน้า ที่อิสสวีร์จะใช้การดูดด้วยมือ (Manual Technique) ด้วยเทคนิคที่ใช้แรงดึงน้อย ๆ คู่กับการฉีดยาชาแบบ Superwet Technique เพื่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อเซลล์ไขมันน้อยที่สุด (หากเป็นการฉีดในบางตำแหน่งที่ต้องใช้ไขมันเยอะ ๆ เช่น หน้าอก อาจใช้การเก็บไขมันด้วยเครื่องได้) 

การเก็บไขมันเพื่อนำมาฉีด สามารถใช้ไขมันตำแหน่งใดก็ได้ แต่ตำแหน่งที่มีไขมันสะสมมาก และได้ผลดี คือ บริเวณต้นขาด้านนอก หน้าท้องด้านล่าง และบริเวณต้นขาด้านใน

 

ในการเก็บไขมันเพื่อนำมาฉีด จะมีขั้นตอนง่าย ๆ (ต่างกับการดูดไขมันเพื่อปรับรูปร่างที่จะมีขั้นตอนมากกว่า) โดยจะเริ่มที่การเลือกตำแหน่ง วาดบริเวณที่ต้องการดูดไขมัน ฉีดยาชา และเก็บไขมัน ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาไม่มากนักประมาณ 15-30 นาที ขึ้นกับตำแหน่งและปริมาณไขมันที่มี ความเจ็บของการเก็บไขมันค่อนข้างน้อย โดยบริเวณต้นขาด้านนอกจะเป็นตำแหน่งที่เจ็บน้อยที่สุด และไขมันออกง่ายมากที่สุด จึงเป็นตำแหน่งที่หมอที่อิสสวีร์คลินิกนิยมมากที่สุดเช่นกัน

 

 

2. ขั้นตอนเตรียมไขมัน และแยกเซลล์ไขมัน

ไขมันเมื่อดูดออกมา จะผสมอยู่กับยาชาและส่วนประกอบต่าง ๆ จึงต้องผ่านกระบวนการให้เกิดการแยกชั้นเป็น น้ำมัน (Oil) เซลล์ไขมัน (Adipose tissue) และส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น เลือด, AD-SVF และสารต่าง ๆ รอบ ๆ ไขมัน ซึ่งสุดท้ายแล้ว ไขมันที่ดูดออกมาจะสามารถแยกออกได้เป็น 3 ส่วนประกอบคือ Microfat (ไขมันตัวใหญ่ สำหรับฉีดบริเวณหน้าผาก ขมับ ร่องแก้ม) Nanofat (ไขมันตัวเล็ก สำหรับฉีดตื้น ๆ เช่นใต้ตา ร่องแก้มตื้น ๆ) และ AD-SVF (ส่วนของ Stem cell และ Growth factor ใช้ฉีดฟื้นฟูผิว ให้ผิวเด็ก ลดริ้วรอย คุณภาพผิวดีขึ้น)

 

 

3. ขั้นตอนการฉีดไขมัน

ขั้นตอนการฉีดไขมัน เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ซึ่งต้องใช้ศิลปะในการฉีดควบคู่ไปด้วย ซึ่งที่อิสสวีร์จะใช้การฉีดไขมันให้เป็น Micro Droplet แบบ Multi-layer techique คือเป็นการกระจายเซลล์ไขมันในลักษณะเป็นเซลล์เล็ก ๆ ทั่ว ๆ และวางหลาย ๆ ชั้น เพื่อให้เลือดมาเลี้ยงไขมันได้ดีที่สุด เพิ่มโอกาสการติดของไขมัน และทำให้ไขมันที่ฉีดออกมาเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน ไม่เป็นเส้น เรียบเนียน ไม่เป็นคลื่นขรุขระ

นอกจากนี้ที่อิสสวีร์คลินิก เรายังใช้เทคนิกการแยกชนิดเซลล์ตามขนาด เป็น Microfat สำหรับฉีดบริเวณที่อยู่ลึก ต้องการการขึ้นรูป เช่น หน้าผาก ขมับ ใต้โหนกแก้ม ส่วน Nanofat จะเป็นไขมันตัวเล็ก สำหรับฉีดบริเวณตื้น ๆ ทั้งร่องแก้ม ใต้ตา จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ ออกมาธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

 

 

ตำแหน่งใบหน้าที่เหมาะกับการเติมไขมัน

การเติมไขมันหน้า สามารถเติมได้เกือบทุกตำแหน่งของใบหน้า ทั้งบริเวณหน้าผาก ขมับ ใต้ตา เปลือกตา โหนกแก้ม แก้มตอบ ร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก ซึ่งที่อิสสวีร์คลินิกจะต้องมีการประเมินใบหน้าอย่างละเอียดก่อน ว่าเหมาะสมกับการเติมไขมันในตำแหน่งใดบ้าง 

ตำแหน่งที่เติมได้ทุกท่าน

  1. หน้าผาก : เป็นตำแหน่งที่เติมได้ผลดี สามารถเติมให้เกิดความโค้งมนสวยงาม และรับกับรูปหน้า 
  2. ขมับ : การเติมขมับ แก้ขมับตอบ ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง ช่วยให้หางคิ้ว และหางตายกขึ้นได้ เป็นตำแหน่งที่นิยม การเติมทำได้มากและได้ผลดี 
  3. ใต้ตา : ร่องใต้ตา ใต้ตาดำคล้ำ และร่องใต้ตา สามารถใช้การเติมไขมันได้ โดยจะใช้เป็นไขมันชนิด Nanofat และต้องฉีดในปริมาณไม่มาก เพราะบริเวณนี้มีโอกาสเกิดเป็นก้อนนูนเวลายิ้มได้ง่าย จึงต้องใช้ประสบการณ์ของแพทย์ในการฉีดมากกว่าบริเวณอื่น ๆ 
  4. ร่องแก้ม : บริเวณนี้ที่อิสสวีร์หมอจะเน้นการเติมในชั้นลึกใต้ฐานจมูกเพื่อให้ร่องแก้มตื้นขึ้น ส่วนในชั้นตื้นจะใช้ nanofat เพื่อให้มีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด 
  5. ใต้โหนกแก้ม : ในบางท่านที่หน้าตอบมาก ๆ สามารถเติมบริเวณใต้โหนกแก้ม เพื่อช่วยใบหน้าลบเหลี่ยมมุม ดูละมุน ได้รูปสวย ดูเด็กยิ่งขึ้น
  6. ร่องน้ำหมาก และคาง : ในท่านที่ร่องน้ำหมากลึก สามารถใช้ไขมันเติมเพื่อช่วยลดปัญหาบริเวณนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม บริเวณคางและร่องน้ำหมาก การรักษาที่เหมาะกว่าคือการใช้ฟิลเลอร์เพราจะคงรูปได้มากกว่า และดันให้รูปทรงสวยได้มากกว่าการใช้ไขมัน โดยปกติแล้ว ที่อิสสวีร์เราจึงไม่ได้แนะนำการฉีดในบริเวณนี้
  7. แก้มตอบ : บริเวณแก้มช่วงล่าง ไม่เหมาะกับการเติมไขมัน เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการหย่อนคล้อยของแก้มได้ เพราไขมันมีน้ำหนักมาก จึงเหมาะกับการทำกลุ่มเลเซอร์ยกกระชับ การดึงหน้า ร่วมกับการใช้ฟิลเลอร์มากกว่า

การเติมไขมัน ตำแหน่งอื่น ๆ ในร่างกาย

นอกจากบริเวณใบหน้าแล้ว ไขมันสามารถนำมาเติมบริเวณอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งบริเวณที่เติมแล้วได้ผลดีได้แก่

  1. หน้าอก : โดยเหมาะกับการเติมบริเวณเนินหน้าอก ในท่านที่ไม่ได้ต้องการไซส์หน้าอกมากขึ้น แต่อยากได้รูปทรงที่สวยงามมากขึ้น แบบเป็นธรรมชาติ และช่วยแก้ปัญหาการหย่อนคล้อยได้ สำหรับการเติมปริมาณมาก ๆ เพื่อให้ไซส์ใหญ่ขึ้น การเสริมซิลิโคนจะเหมาะกว่า 
  2. อวัยวะเพศหญิง (บริเวณหัวหน่าว และแคมนอก) : ทำให้บริเวณอวัยวะเพศดูอวบอิ่ม สวยงาม การใส่ชุดว่ายน้ำสวยงามขึ้น รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาผิวหนังบริเวณแคมนอกแห้งอักเสบได้
  3. หลังมือ : สามารถใช้การเติมไขมัน ช่วยให้มือดูเด็ก ลดการมองเห็นของเส้นเลือด เส้นเอ็น กระดูก ที่ทำให้ดูสูงอายุ

สำหรับบริเวณก้น สะโพก ทางแพทย์อิสสวีร์ไม่แนะนำให้ฉีดเพราะ เกิดปัญหาตามมาได้ง่าย เนื่องจากเป็นการฉีดที่ต้องใช้ปริมาณมาก 

 

การฉีดไขมัน นอกจากในเรื่องหน้าเด็กแล้ว ยังช่วยให้คุณภาพผิวดีขึ้นมากด้วย เพราะไขมันที่ดูดออกมา จะมีส่วนประกอบที่เรียกว่า AD-SVF ซึ่งเป็นเซลล์ที่อยู่รอบ ๆ เซลล์ไขมัน ที่มีคุณสมบัติต่าง ๆ ในการช่วยฟื้นฟูผิว ทั้งที่เป็น Stem Cell (MSCs) , HSCs , Treg & Monocyte , Progenitor Cell และ Perivascular cell component ต่าง ๆ ซึ่งเซลล์เหล่านี้จะช่วยเรื่องผิวหนังหลาย ๆ อย่างเช่น

  1. ฟื้นฟูเซลล์ เพิ่มการสร้างเซลล์ ซ่อมแซมเซลล์ให้แข็งแรงขึ้น จึงช่วยลดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่นผิวแห้ง แพ้ง่าย สิว ฝ้า กระ 
  2. ชะลอวัย จากสเต็มเซลล์ที่จะช่วยทำให้เซลล์อ่อนวัยขึ้น ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และทำให้ผิวเด็กลงในระยะยาว
  3. ฟื้นฟูเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดที่มาเลี้ยงผิวดีขึ้น ผิวจึงแข็งแรงมากขึ้น ลดการอักเสบได้ดีขึ้น
  4. เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การทำงานของเซลล์ดียิ่งขึ้น

AD-SVF ที่ได้จากการฉีดไขมันแบบปกติ จะมีปริมาณไม่มากนัก ที่อิสสวีร์จึงได้มีการใช้เทคนิคการสกัดเฉพาะส่วนของ AD-SVF เพื่อให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการใช้ไขมันแยกต่างหาก เพื่อสกัดเฉพาะ AD-SVF อย่างเดียว ทำให้ได้เป็นจำนวนเซลล์ในปริมาณมาก ซึ่งสามารถนำมาฉีดได้ทั่วบริเวณใบหน้า ลำคอ รวมถึงหนังศีรษะ และหลังมือ

 

 

1. ควรเลือกฉีดไขมัน หรือฟิลเลอร์ 

ข้อดีของฟิลเลอร์คือ ควบคุมผลลัพธ์ได้ง่าย ว่าต้องฉีดเท่าไหร่ จึงจะพอดี ไม่ต้องพักฟื้น การฉีดเจ็บน้อย สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว แต่มีข้อเสียคือ ในบางตำแหน่งเช่น หน้าผาก การใช้ฟิลเลอร์จะฉีดแล้วมีอันตรายมากกว่า ฉีดแล้วไม่ธรรมชาติ เห็นเป็นเงาได้

ส่วนการฉีดไขมัน มีข้อดีคือ ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่า การฉีดหน้าผาก จะได้ความนุ่มนวล แยกไม่ออกจากผิวจริง และอยู่ได้แบบถาวรเหมือนเป็นผิวของเราไปเลย นอกจากนี้ยังประหยัดมากกว่า เมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ ในท่านที่ต้องเติมปริมาณมากกว่า 3-4 หลอดขึ้นไป การฉีดไขมันก็คุ้มกว่าแล้ว

2. ฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

ไขมันที่ฉีดไป หลังฉีดจะตายไปบางส่วน (ประมาณ 30-40%) ซึ่งหลังจากนั้น ไขมันที่เหลืออยู่ ก็จะเปรียบเหมือนเป็นไขมันของเราเอง และจะคงอยู่กับเราไปตลอดชีวิต ซึ่งไขมันก็จะมีความเสื่อม และฝ่อลงไปตามเวลาเช่นกัน

3. บวมมากแค่ไหน ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน

อาการบวมจะเป็นมากหลังฉีด ช่วง 5-10 วันแรก ขึ้นกับปริมาณที่ฉีด และลักษณะของแต่ละบุคคล และเมื่อครบ 2 อาทิตย์จะเข้าที่มากขึ้น จนเข้าสู่ช่วงที่ยุบบวมและสวยมากที่สุดเมื่อครบ 4 อาทิตย์ 

โดยหลังจากการฉีดทันที จะมีอาการบวมนูน มากกว่าผลลัพธ์ที่ได้ประมาณ 30-40% เพราะการฉีดต้องมีการฉีดเกินจากความต้องการประมาณ 30% เพื่อให้เมื่อยุบแล้วไขมันอยู่ในเกณฑ์พอดี 

 

 

 

4. ออกกำลังกายได้เมื่อไหร่

หลังการดูดเป็นช่วงที่ต้องทะนุถนอมไขมันที่ดูดไปแล้วให้ดีที่สุด จึงต้องงดการออกกำลังกาย 1 เดือน งดการนวดหน้า การใช้ความร้อนบริเวณใบหน้า 1 เดือนเช่นกัน

5. ระดับความเจ็บ

การฉีดไขมันถือว่าเป็นการรักษาที่เจ็บน้อยมาก โดยจะมีขั้นตอนการเก็บไขมัน ที่จะมีการฉีดยาชา มีความเจ็บเล็กน้อยในระดับที่ทนได้ และบริเวณใบหน้า จะใช้การฉีดยาชา Block เส้นประสาท ทำให้ความเจ็บน้อยเช่นกัน แต่ในท่านที่กังวลมาก สามารถใช้ยานอนหลับ ยาสูด หรือยาให้หลับร่วมด้วยได้

 

 

  

 

 

 

ติดต่อเรา/ปรึกษาแพทย์