แก้มใหญ่ รักษายังไง ฉีด ดูด ผ่า เลเซอร์ เลือกวิธีไหนดี

 

ปัญหาแก้มใหญ่ เป็นปัญหาที่คนไข้หลายท่านกังวล โดยเฉพาะท่านที่อยากหน้าเรียวเล็กลง แต่ไม่รู้ว่าจะรักษาด้วยวิธีไหนดี วันนี้หมอจะแชร์ประสบการณ์การรักษาทุกวิธีทั้ง การฉีด ดูด ผ่า และเลเซอร์ ว่าวิธีไหนได้ผลจริง เหมาะกับใคร ข้อดี ข้อเสียเป็นยังไงบ้าง มาดูกันค่ะ

เริ่มที่เข้าใจไขมันใบหน้า

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจไขมันที่ใบหน้าเราก่อนค่ะจะทำให้เราเลือกวิธีการรักษาได้ดีขึ้นค่ะ

https://plasticsurgerykey.com/1-overview-of-facial-tissue-anatomy/
https://www.researchgate.net/figure/Superficial-facial-fat-compartments-and-their-relationship-to-the-septa-and-retaining_fig2_362176188

ไขมันใบหน้าแบ่งเป็น
1.ไขมันชั้นตื้น 
2.ไขมันชั้นลึก

1.ไขมันชั้นตื้น (Superficial Fat Compartments)
เป็นไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ใบหน้าเรามีความนุ่ม มีความสวยงาม ซึ่งจากภาพนี้จะแสดง ส่วนของไขมัน ที่จะอยู่กันเป็นส่วน ๆ เป็นกลุ่มก้อน โดยมีเส้นเอ็นพังผืดเป็นตัวแยกไขมันเป็นส่วน ๆ  (septa & retaining ligament) โดยจะแบ่งได้ทั้งหมด 14 ส่วนตามภาพเลยค่ะ
หากไขมันชั้นนี้มีการสะสมแบบสมดุลพอดี ใบหน้าก็จะดูเด็ก ดูสวยงาม แต่ในบางท่านที่ไขมันบางตำแหน่งเยอะเกินไป หรือเริ่มมีการเหี่ยว การหย่อน ก็จะเริ่มเป็นปัญหาค่ะ ซึ่งบริเวณที่เป็นปัญหามักจะเป็นที่ หมายเลข 6, 8 , 9 ,11, 12 , 13 เป็นหลักค่ะ
 

https://ambrosiaaesthetics.com/buccal-fat-removal-in-mumbai-cost/

2.ไขมันชั้นลึก (Deep Fat Compartments)
ไขมันส่วนนี้จะอยู่ลึกลงไปใต้ชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างชั้นลึก เช่นไขมันใต้ตา (ถ้ามากเกินไปก็เกิดเป็นถุงใต้ตา) และไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal fat pad) ที่ถ้ามากเกินไปก็จะทำให้เกิดแก้มป่องค่ะ


วิธีการรักษาแก้มป่อง แก้มใหญ่ ด้วยวิธีทางการแพทย์

สำหรับการลดแก้มนั้น หากอาศัยวิธีแบบธรรมชาติ ที่ดีที่สุดก็คือการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำ อย่างน้อย 120 นาที / สัปดาห์ ร่วมกับการคุมอาหาร ก็สามารถช่วยลดไขมันได้ทุกส่วนของร่างกาย
แต่มีบางท่านนะคะ ที่ไขมันบริเวณใบหน้า หรือบริเวณแก้ม ไม่ตอบสนองต่อการลดน้ำหนัก หรือการออกกำลังกาย การใช้วิธีทางการแพทย์ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งค่ะ
 

1.ดูดไขมันแก้ม (Cheek Liposuction)

1.1 คืออะไร 
การดูดไขมันแก้ม เป็นการใช้คลื่นอัลตร้าซาวน์ ในการสลายไขมัน และทำการดูดเซลล์ไขมันที่แตกตัวแล้วออก โดยจะเป็นการผ่าตัดเล็กผ่านแผลเล็ก ๆ ขนาดไม่เกิน 5mm โดยบริเวณแก้มล่าง สามารถใช้ยาชาเฉพาะที่ก็เพียงพอค่ะ
1.2 เหมาะกับใคร
การดูดไขมันแก้ม สำหรับที่อิสสวีร์ เราจะทำการดูดเฉพาะบริเวณแก้มล่างเท่านั้น (หมายเลข 12 ตามรูปด้านบน) โดยจะไม่ดูดแก้มด้านบนค่ะ โดยการดูดแก้มล่างมักจะทำไปพร้อมกับการดูดไขมันเหนียง และกรอบหน้า เพราะจะยิ่งช่วยเสริมประสิทธิภาพกัน ทำให้ผิวบริเวณนี้กระชับ กรอบหน้าชัด เหนียงยุบ และแก้มด้านล่างยุบไปด้วยพร้อมกันค่ะ

1.3 ข้อดี
-เห็นผลค่อนข้างถาวร เพราะเป็นการทำลายเซลล์ไขมันทิ้งไปเลย
-สามารถเห็นผลได้ทันที โดยผลลัพธ์จะเห็นชัดที่สุดหลังจากการยุบบวม ประมาณ 3 เดือน
-หากทำการดูดไขมันเหนียงอยู่แล้ว การดูดไขมันแก้มล่างด้วยก็มักจะให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดขึ้น

1.4 ข้อเสีย
-การดูดไขมันแก้มเหมาะเฉพาะบริเวณแก้มล่างเท่านั้น การดูดบริเวณแก้มทั้งหมด อาจทำให้เห็นร่องบุ๋มจากรอยต่อระหว่างช่องของไขมันได้ (จากรูปไขมันชั้นตื้น จะเห็นว่าไขมันจะแบ่งเป็นห้อง ๆ )
-การดูดแก้มทั้งหมด จะทำให้แก้มเหี่ยวและหย่อนเร็ว เมื่ออายุมากขึ้น
-การดูดไขมันแก้ม ต้องทำโดยแพทย์ที่ชำนาญ เพราะมีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเส้นประสาทได้

2.ตัดกระพุ้งแก้ม

2.1 คืออะไร 
การตัดกระพุ้งแก้ม เป็นวิธีที่เห็นผลดีที่สุดในการลดแก้มป่องค่ะ โดยเป็นการตัดไขมันแก้มที่อยู่ในชั้นลึก ซึ่งการรักษาที่อิสสวีร์คลินิก จะใช้การฉีดยาชาบริเวณกระพุ้งแก้มด้านใน (แถว ๆ ฟันกรามค่ะ) เปิดแผลขนาดเล็ก ๆ ไม่เกิน 1 ซม.  ก่อนจะผ่าเอาก้อนไขมันที่อยู่บริเวณกระพุ้งแก้มออกมาค่ะ ซึ่งกระบวนทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 30-60 นาทีค่ะ
2.2 เหมาะกับใคร
วิธีนี้เหมาะกับท่านที่มีแก้มป่อง หน้ากลม มีแก้มเด่นชัดเจน และต้องการวิธีที่ได้ผลชัดเจนในครั้งเดียว และผลข้างเคียงน้อยกว่าการดูดไขมันแก้ม และอีกข้อนึงที่คนไข้หลายท่านที่มาตัดกระพุ้งแก้มมักบอกหมอคือ เวลาเคี้ยวข้าว ชอบกัดโดนกระพุ้งแก้ม ลักษณะแบบนี้มักจะมีไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ เหมาะกับวิธีนี้เลยค่ะ

2.3 ข้อดี
-โฟกัสลดแก้มบริเวณที่ต้องการได้อย่างเจาะจง
-ลดไขมันออกไปได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น
-เห็นผลถาวร เพราะเป็นการตัดเซลล์ไขมันบริเวณกระพุ้งแก้มออกไปเลย
-ไม่มีแผลเป็น เพราะเป็นการผ่าตัดด้านในปาก
2.4 ข้อเสีย
-ต้องทำโดยแพทย์ที่เชี่ยวชาญ การตัดมากเกินไป อาจทำให้ขมับบุ๋มไปด้วยได้ ที่อิสสวีร์คลินิก หมอจะตัดแค่บริเวณแก้มเท่านั้นเพื่อป้องกันขมับบุ๋ม 
-ในระยะยาว หากน้ำหนักลดลงมาก หรือผอมลงมาก อาจทำให้ดูหน้าตอบได้
-ในท่านที่มีโหนกแก้มใหญ่ การตัดกระพุ้งแก้ม อาจทำให้หน้าตอบได้
-ท่านที่มีไขมันชั้นตื้นเยอะ มีผิวหย่อนร่วมด้วย การตัดกระพุ้งแก้มอย่างเดียวอาจไม่ได้ผล 100% อาจจะต้องใช้การทำ thermage หรือ mesofat ร่วมด้วย

3.Thermage 

3.1 คืออะไร 
Thermage เป็นเลเซอร์ที่ใช้คลื่นวิทยุ (monopolar RF) ยิงลงไปใต้ชั้นผิวหนัง โดยความร้อนของพลังงานนี้จะผ่านตั้งแต่ชั้นหนังแท้ ไปจนถึงชั้นไขมัน ทำให้คอลลาเจนเกิดการหดตัว  เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ พร้อมทั้งสลายไขมันส่วนเกินบริเวณใบหน้าได้ด้วย ทำให้ผิวแน่น กระชับ และมีความยืดหยุ่น 
3.2 เหมาะกับใคร
Thermage เหมาะกับท่านที่ต้องการลดไขมันบริเวณแก้ม แต่ไม่อยากผ่าตัด และต้องการวิธีที่
ปลอดภัยมาก ๆ ค่ะ นอกจากนี้ยังเหมาะกับท่านที่เริ่มมีอายุมากขึ้น เริ่มมีความเสื่อมของคอลลาเจน ต้องการให้ผิวกระชับ รูขุมขนกระชับร่วมด้วย
และวิธีนี้ยังเหมาะกับท่านที่มีแก้มบริเวณชั้นตื้นมาก ซึ่งการตัดกระพุ้งแก้มอย่างเดียวอาจไม่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์เต็มที่ด้วยค่ะ

3.3 ข้อดี
-เป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
-ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ 
-ได้ประโยชน์หลายด้านนอกจากลดแก้ม ทั้งการกระชับใบหน้า กระชับรูขุมขน กระตุ้นคอลลาเจน

3.4 ข้อเสีย
-ถ้าแก้มใหญ่ต้องทำหลายครั้งจึงจะเห็นผล
-ไม่ได้ผลชัดเจนทันทีเหมือนการผ่าตัดกระพุ้งแก้ม
-ราคาสูง (แพงกว่าการผ่าตัด)
-การยิงเพื่อให้ไขมันลดลงจะเจ็บกว่าการยิงเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนแบบปกติ (ตามเทคนิคของอิสสวีร์คลินิก)

 

 

4.Mesotherapy

4.1 คืออะไร 
การฉีดเมโสแฟต เป็นที่นิยมมากในประเทศไทย เพราะทำได้ง่าย ราคาไม่แพงมาก และไม่ต้องพักฟื้น โดยการฉีดจะเป็นการใช้ตัวยาที่ช่วยในการลดไขมันในเซลล์ได้ ซึ่งแต่ละสถานพยาบาลก็จะใช้ยาที่แตกต่างกันไป โดยการฉีดจะฉีดเข้าไปในชั้นไขมันชั้นตื้นบริเวณแก้ม 
4.2 เหมาะกับใคร
วิธีนี้เหมาะกับท่านที่มีไขมันชั้นตื้นบริเวณแก้มไม่เยอะมาก เพราะจากประสบการณ์ของหมอที่อิสสวีร์คลินิก พบว่าในท่านที่มีไขมันแก้มเยอะมาก ๆ เคยฉีดเมโสแฟตมาเยอะ ๆ ก็มักจะไม่ได้ผล ต้องมาปรึกษาตัดกระพุ้งแก้ม หรือดูดไขมัน แต่ในท่านที่ไขมันไม่เยอะมาก ต้องการความกระชับมากขึ้น การฉีดเมโสแฟตก็ยังสามารถเห็นผลได้ค่ะ แต่ก็ขึ้นกับตัวยาด้วยว่ามีมาตรฐานหรือไม่ค่ะ

4.3 ข้อดี
-ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
-ราคาไม่แพงมาก
-ใช้ลดไขมันชั้นตื้นได้ดีในท่านที่มีไขมันไม่เยอะมาก
4.4 ข้อเสีย
-ต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์
-มักทำให้เกิดอาการบวม ช้ำ เจ็บระบม บริเวณที่ฉีดในช่วงแรกได้
-ยาที่ใช้ฉีด ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีตัวไหนที่ผ่าน อย. ให้เป็นยาฉีดลดไขมัน ส่วนมากยังเป็นการผ่าน อย. ในรูปแบบยาทา การเลือกใช้ยาจึงยังต้องพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของคลินิกเป็นหลัก

สรุป การลดแก้ม

โดยสรุปแล้ว การลดไขมันแก้ม วิธีที่ได้ผลดีที่สุดคือการผ่าตัดกระพุ้งแก้มค่ะ เห็นผลถาวร ไม่มีแผลเป็น ผลข้างเคียงน้อย
ส่วนท่านที่มีเหนียงร่วมด้วย สามารถใช้การดูดไขมันเหนียง ดูดไขมันกรอบหน้า ร่วมกับการดูดไขมันแก้มล่างซึ่งเป็นไขมันชั้นตื้น ส่วนไขมันชั้นลึกก็ใช้การตัดไขมันกระพุ้งแก้มค่ะ ส่วนการดูดไขมันแก้มทั้งหมดไม่แนะนำค่ะ เพราะจะทำให้หน้าเหี่ยวก่อนวัย
สำหรับท่านที่ไม่ต้องการผ่าตัด ก็สามารถเลือกเป็นการทำ Thermage ที่เป็นวิธีมาตรฐาน ปลอดภัย แต่ก็ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ที่ยิง เพื่อโฟกัสที่การลดไขมันด้วยค่ะ 
ส่วนการฉีดเมโสแฟต จากประสบการณ์ของหมอ พบว่าได้ผลบ้างในท่านที่ไขมันแก้มไม่เยอะมาก แต่ก็ต้องเลือกคลินิกที่ฉีดให้ได้มาตรฐานด้วยค่ะ
สำหรับใครที่อ่านจบแล้วก็ยังไม่เข้าใจ หรือยังเลือกไม่ถูก ก็สามารถนัดปรึกษาหมอที่อิสสวีร์คลินิกได้นะคะ ทางคลินิกมีครบทุกบริการค่ะ 

หมอหลิน 
พญ.ณัฎฐาพร ปิยะสาธุกิจ
แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่ง
 

ติดต่อเรา/ปรึกษาแพทย์