Profhilo

Bio-Remodeling จาก HA เข้มข้น ที่ให้ผลลัพธ์มากกว่าแค่ยกกระชับ ด้วยการปรับสมดุลผิวทั้ง 3 ระดับชั้น เติมความชุ่มชื้น กระตุ้นคอลลาเจน กระชับผิวให้อิ่มฟู ในขั้นตอนเดียว

Profhilo คืออะไร?

Profhilo คือ สารฟื้นฟูโครงสร้างผิว (Bio-Remodeling) ที่เกิดจากการรวม HA โมเลกุลเล็กและใหญ่เข้าด้วยกัน เกิดเป็นสารใหม่ ที่ช่วยฟื้นฟูทุกชั้นของผิวหนัง ทั้งเติมเต็มความชุ่มชื้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และยังซ่อมแซมผิวชั้นบนได้อีกด้วย ทำให้ Profhilo แตกต่างจากฟิลเลอร์งานผิว เมโส หรือสารกระตุ้นคอลลาเจนอย่างชัดเจน

HA หรือ ไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ใน Profhilo มีความเข้มข้นมากที่สุดในปัจจุบัน คือ 32 mg/ml เมื่อเทียบกับ HA ในฟิลเลอร์ที่มักอยู่ประมาณ 20-28 mg/dl และ Profhilo ยังใช้เทคนิคการเชื่อมโมเลกุลเล็กและใหญ่เข้าด้วยกัน แบบไม่ใช้สารเคมี (Non-Cross Linking) ได้เป็นสารที่เรียกว่า HCC (Hybrid Cooperative Complex) ซึ่งออกฤทธิ์ในผิวได้นาน กระตุ้นเซลล์และซ่อมแซมโครงสร้างผิวได้ โดยไม่เป็นก้อน ไม่บวม แบบฟิลเลอร์ปกติ

สรุปจุดเด่น 7 ข้อ ของ Profhilo 

1. ช่วยยกกระชับผิว จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน
2. ฟื้นฟูโครงสร้างผิว ได้ทุกระดับชั้น ตั้งแต่ลึกถึงตื้น จึงเรียกสารนี้ว่า Bio-Remodeling
3. ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น จาก HYA เข้มข้น จึงช่วยให้ผิวดูชุ่มชื่น สะท้อนแสง เรียบเนียน แก้ปัญหาผิวแห้งขาดน้ำ
4. สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย และฟื้นฟูโครงสร้างผิว ได้ทั้งใบหน้า และลำคอ จากคุณสมบัติของยาที่นิ่ม ไม่เป็นก้อน และกระจายตัวได้ดี
5. ช่วยรักษารอยแผลเป็น หลุมสิว และปัญหาผิวชั้นนอกได้ด้วย จากการกระตุ้นเซลล์ Keratinocyte ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่แตกต่างชัดเจนจากยาฉีดชนิดอื่น ๆ 
6. มี HA ที่เข้มข้น และไม่ต้องใช้สารเคมีเพื่อเชื่อม HA ทำให้ออกฤทธิ์ได้นาน (6-12 เดือน) และลดความเสี่ยงแพ้ บวม แดง 
7. ด้วยความสามารถในการกระจายยาที่ดีมาก จึงฉีดได้ง่าย ฉีดเพียง 5 จุดต่อใบหน้า 1 ข้าง (เทียบกับฟิลเลอร์งานผิวอื่น ๆ ที่ต้องฉีดอย่างน้อย 30 จุด/ข้าง) จึงเป็นการฉีดที่เจ็บน้อยกว่า ช้ำน้อยกว่า การฉีดอื่น ๆ

กระบวนการผลิต Profhilo ด้วยเทคนิค NAHYCO®

1. การผสาน HA สองชนิด (Hybrid Complex) 

  • HA ที่มีขนาดโมเลกุลต่างกัน ออกฤทธิ์ต่อผิวต่างกัน
  • High Molecular Weight HA (H-HA): ทำหน้าที่เป็น "โครงสร้างรองรับ" หรือ Scaffold เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อผิว ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความกระชับและลดความหย่อนคล้อย
  • Low Molecular Weight HA (L-HA): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว

2. กระบวนการสร้างโครงสร้างไฮบริด

  • ไม่ใช้สารเคมี แต่ใช้ความควบคุมความร้อน (Thermal Cross-Linking) เพื่อรวม H-HA และ L-HA เข้าด้วยกัน
  • กระบวนการนี้ทำให้ไม่ต้องใช้ สารเชื่อมโยงเคมี (BDDE) ซึ่งพบในฟิลเลอร์ทั่วไป ลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง บวม หรือแพ้

3. สิ่งที่ได้จากเทคโนโลยี NAHYCO®

  • ความเสถียรสูง: HA ใน Profhilo คงตัวในชั้นผิวได้นานโดยไม่ถูกย่อยสลายเร็ว
  • ยากระจายตัวดี: สาร HCC สามารถกระจายตัวได้ทั่วทั้งชั้นผิวโดยไม่จับตัวเป็นก้อน จึงสามารถออกฤทธิ์ได้ทุกชั้นผิว
  • ประสิทธิภาพที่ยาวนาน: HCC กระตุ้นการฟื้นฟูผิวและสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 6-12 เดือน

ข้อบ่งชี้การรักษาของ Profhilo (Indication)

จากข้อมูลขององค์กรอาหารและยา จะเห็นได้ว่า Profhilo ได้รับข้อบ่งชี้ที่แตกต่างจากผลิตอื่น ๆ อย่างชัดเจน

1.รักษาภาวะหย่อนคล้อยของ ใบหน้าและลำคอ
สาร HCC ออกฤทธิ์กระตุ้น collagen , elastin และปรับสภาวะแวดล้อมรอบ ๆ เซลล์ให้ดียิ่งขึ้น จึงช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว ให้ชุ่มชื้น ยืดหยุ่น แข็งแรงขึ้น ลดปัญหาความหย่อนคล้อย และริ้วรอย ทั้งใบหน้าและลำคอ

2.ช่วยกระบวนการฟื้นฟูผิว ซ่อมแซมผิว และรอยแผลเป็นจากสิว
จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้เกิดการซ่อมแซมชั้นใต้ผิวหนังให้กระชับเรียบเนียน ร่วมกับการฟื้นฟูโครงสร้างรอบ ๆ เซลล์ (Extra Cellular Matrix) ทำให้โครงสร้างผิวแน่นกระชับ แข็งแรง ทำงานได้ดีขึ้น ลดความลึกของรอยแผลเป็น นอกจากนี้ สาร HCC ยังกระตุ้นเซลล์ Keratinocyte ซึ่งช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่ รวมไปถึงกระตุ้น TGF-β1 (Transforming Growth Factor-beta 1) ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญในการสมานแผลอีกด้วย

ดังนั้น Profhilo จึงสามารถช่วยลดการอักเสบและเร่งกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ทำให้รอยแผลเป็นดูจางลงได้

Profhilo ออกฤทธิ์อย่างไร

การออกฤทธิ์ของสาร HCC ไม่เพียงแต่เติมความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ยังทำงานในระดับลึก เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเซลล์สำคัญ ๆ ที่มีบทบาทในการปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรง และมีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น ทั้ง Keratinocyte , Fibroblast , Adipocyte และ Myocyte ครอบคลุมทุกชั้นผิว

1. การกระตุ้น Keratinocyte
Keratinocyte
เป็นเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ที่มีหน้าที่สร้าง Keratin ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในการปกป้องผิวและสร้างเกราะป้องกัน (Skin Barrier) โดยProfhilo ช่วยกระตุ้นเซลล์ Keratinocyte ด้วยการ:

  • เพิ่มการผลิตโปรตีน Keratin: ทำให้ผิวชั้นนอกแข็งแรงขึ้น ลดปัญหาผิวแห้งและหมองคล้ำ
  • เสริมกระบวนการผลัดเซลล์ผิว (Skin Renewal): ผิวดูสดใส เรียบเนียน และสุขภาพดีขึ้น

2. การกระตุ้น Fibroblast
Fibroblast เป็นเซลล์ในชั้นหนังแท้ (Dermis) ที่รับผิดชอบในการผลิต Collagen และ Elastin ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิว โดย Profhilo ช่วยกระตุ้น Fibroblast ด้วยกระบวนการ:

  • เพิ่มการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน: คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I Collagen): เพิ่มความแข็งแรงของผิว คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Type III Collagen): เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
  • ฟื้นฟูการทำงานของสิ่งแวดล้อมรอบเซลล์ ( ECM :Extracellular Matrix): โครงสร้างของผิวมีความสมบูรณ์มากขึ้น ลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย

3. การกระตุ้น Adipocyte
Adipocyte หรือเซลล์ไขมันใต้ผิวหนังมีบทบาทสำคัญกับความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว โดย Profhilo ออกฤทธิ์ใน Adipocyte ดังนี้:

  • ฟื้นฟูเซลล์ไขมันที่เสื่อมสภาพ: ช่วยคืนความแน่นของชั้นไขมันใต้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟู
  • ปรับสมดุลไขมันใต้ผิว: ลดปัญหาการสะสมไขมันที่ไม่สม่ำเสมอ เช่น ไขมันย้อยบริเวณคอหรือกรอบหน้า

Profhilo ถือเป็นนวัตกรรมที่มีความพิเศษในเรื่องการกระจายตัวของสาร Hyaluronic Acid (HA) โดยสามารถซึมลึกและฟื้นฟูได้ทุกชั้นผิว ตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ชั้นหนังแท้ (Dermis) ไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous Fat) และเซลล์กล้ามเนื้อ (Muscle Layer)  จึงเป็นสาเหตุที่เรียก Profhilo ว่าเป็น Bio-remodeling คือช่วยปรับปรุงโครงสร้างผิวโดยรวมจากการปรับปรุงทุกชั้นผิว

ภาพจากงานวิจัย ที่แสดงให้เห็นว่า ตัวยาสามารถกระจายตัวได้ไกล เป็นรัศมีประมาณ 2 ซม. จากจุดที่ฉีดยา (จุดสีแดงคือจุดฉีด ส่วนสีเขียวคือตำแหน่งที่ยากระจายมา) ทำให้การฉีดยาไม่จำเป็นต้องใช้จำนวนจุดที่เยอะ การฉีดเพียงไม่กี่จุดก็สามารถกระจายยาได้ทั่วทั้งใบหน้าและลำคอ

Profhilo ต่างจาก Biostimulator (Sculptra หรือ Radiesse) อย่างไร?

1. ส่วนประกอบและกลไกการทำงาน

  • Profhilo: ใช้ Hyaluronic Acid (HA) ความเข้มข้นสูงสุด 2 ขนาดโมเลกุล ช่วยเติมความชุ่มชื้นในทันที พร้อมกระตุ้นเซลล์สำคัญในชั้นผิว เช่น Fibroblast, Keratinocyte, Adipocyte และ Myocyte เพื่อฟื้นฟูผิวโดยรวม
  • Biostimulator: ใช้สารอย่าง Poly-L-Lactic Acid (PLLA) หรือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดใหม่ในระยะยาว เน้นการปรับโครงสร้างผิวให้กระชับจากภายใน

2. ระยะเวลาเห็นผล

  • Profhilo: ผิวชุ่มชื้น กระจ่างใส และยกกระชับใน 2-3 สัปดาห์ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1 เดือน
  • Biostimulator: เริ่มเห็นผลใน 4-6 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ และชัดเจนเต็มที่ใน 3-6 เดือน

3. ระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์

  • Profhilo: ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 6-12 เดือน
  • Biostimulator: ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า 12-18 เดือน หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่ใช้

4. การพักฟื้น

  • Profhilo: ฉีดง่าย ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดอาจมีรอยบวมหรือแดงเล็กน้อยที่บริเวณจุดฉีด ซึ่งหายได้ใน 1-2 วัน
  • Biostimulator: ฉีดยากกว่า และ อาจมีการบวมแดงหรืออักเสบเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ประมาณ 1 สัปดาห์

5. ปัญหาผิวที่เหมาะสม

  • Profhilo:
    - ผู้ที่มี ผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง และต้องการฟื้นฟูความชุ่มชื้น
    - ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็วและไม่ต้องการพักฟื้น
    - ผู้ที่มี หลุมสิว รอยแผลเป็นจากสิว และต้องการปรับปรุงสภาพผิวด้วย
    - ผู้ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างผิวโดยรวม
  • Biostimulator:
    - ผู้ที่มีปัญหา ผิวหย่อนคล้อย หรือเริ่มสูญเสียโครงสร้างผิว
    - ผู้ที่ต้องการยกกระชับและปรับโครงสร้างผิวในระยะยาว
    - เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก กรอบหน้าที่ไม่ชัดเจน

สรุป

  • Profhilo: เน้นฟื้นฟูผิวในระยะสั้น เห็นผลเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความชุ่มชื้นและปรับผิวภายนอกให้ดูสุขภาพดีขึ้น กระชับมากขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้น
  • Biostimulator: เหมาะสำหรับการยกกระชับและแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเป็นหลัก (เรื่องยกกระชับได้ผลมากกว่า Profhilo) โดยจะใช้เวลานานกว่าในการเห็นผล

ทั้งสองตัว ใช้ในกรณีที่ต่างกัน และสามารถใช้เพื่อสนับสนุนกันได้ด้วย หมอแนะนำว่าสามารถฉีดร่วมกันได้ แต่ควรเว้นระยะห่างจากกันอย่างน้อย 3 เดือนครับ

เปรียบเทียบ Profhilo กับ Filler ประเภท Skin Booster

Profhilo และ Filler ประเภท Skin Booster (เช่น Belotero Revive, Neauvia Hydro Deluxe, Skinvive, และ Restylane Skin Booster) ต่างเป็นนวัตกรรมการฟื้นฟูผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับปรุงคุณภาพผิว แต่มีความแตกต่างที่สำคัญในด้านองค์ประกอบ กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ ดังนี้:

1. ส่วนประกอบและวัตถุประสงค์

  • Profhilo:
    - ใช้ Hyaluronic Acid (HA) ความเข้มข้นสูง (64 มก./หลอด) แบบ Non-Crosslinked
    - เน้นฟื้นฟูผิวจากระดับลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในทุกชั้นผิว (Fibroblast, Keratinocyte, Adipocyte และ Myocyte)
    - เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูชุ่มชื้น กระจ่างใส ยกกระชับ และปรับปรุงโครงสร้างผิวโดยรวม
  • Filler ประเภท Skin Booster:
    - ใช้ Hyaluronic Acid แบบ non-Crosslink หรือ Crosslinked บางส่วนผสมกับสารบำรุงอื่น เช่น กลีเซอรีน (Restylane Skin Booster) หรือ อะมิโนแอซิด (Neauvia Hydro Deluxe)
    - เน้นเติมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวในระดับตื้นเป็นหลัก เหมาะสำหรับผิวที่ขาดน้ำหรือเริ่มมีริ้วรอยเล็กๆ หรือต้องการผิวภายนอกที่ดูฉ่ำวาวมากขึ้น

2. ระยะเวลาเห็นผล

  • Profhilo: เริ่มเห็นผลใน 2-3 สัปดาห์ และผิวดูชุ่มชื้น กระจ่างใสอย่างชัดเจนภายใน 1 เดือน
  • Filler ประเภท Skin Booster: เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการฉีดในเรื่องความชุ่มชื้น แต่คุณภาพผิวจะดีขึ้นอย่างชัดเจนใน 2-4 สัปดาห์

3. ระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์

  • Profhilo: ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแล
  • Filler ประเภท Skin Booster: เนื่องจาก Filler ชนิดนี้จะไม่มีการ Cross-link จึงทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้น้อยกว่า คือประมาณ 6-9 เดือน

4. การพักฟื้น

  • Profhilo: ไม่ต้องพักฟื้น อาจมีบวมตามจุดฉีด ประมาณ 1-2 วัน
  • Filler ประเภท Skin Booster: มักมีอาการช้ำได้ง่ายกว่า เนื่องจากต้องฉีดจำนวนจุดเยอะกว่า 

5. ตัวเลือกที่เหมาะสม

  • เลือก Profhilo หาก...
    ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยรวม
    ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานกว่าและเห็นผลในระยะยาว
  • เลือก Filler ประเภท Skin Booster หาก...
    ต้องการเติมความชุ่มชื้นในบริเวณที่เฉพาะเจาะจง
    ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและไม่ต้องการฟื้นฟูในระดับลึก
    ต้องการใช้งบประมาณที่น้อยกว่า (Profhilo ราคาค่อนข้างสูงกว่า)

Profhilo เหมาะกับใคร?

1. อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป

  • เริ่มต้นดูแลผิวเพื่อชะลอวัย:  หลังอายุ 25 คอลลาเจนจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ประมาณ 1% ต่อปี ในวัยรุ่น ที่อยากเริ่มดูแลผิว Profhilo เป็นตัวเลือกนึงที่ดี เพราะเป็นสาร HA อย่างเดียว และเป็นการฉีดที่ทำได้ง่าย เจ็บน้อย ไม่ต้องใช้การดูแลมากเท่าสารตัวอื่น ๆ 
  • ป้องกันและแก้ปัญหาทุกชั้นผิว: Profhilo ช่วยปรับปรุงโครงสร้างผิวโดยรวม และออกฤทธิ์ได้ทุกชั้นผิว จึงเหมาะกับท่านที่อยากได้การรักษาเดียวที่ได้ผลอย่างครอบคลุม

2. ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ และหมองคล้ำ

  • เพิ่มความชุ่มชื้น: Hyaluronic Acid (HA) ที่เข้มข้นใน Profhilo ช่วยเติมน้ำให้ผิวจากภายใน ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งและมีชีวิตชีวา แก้ปัญหาผิวขาดน้ำได้อย่างดี
  • ลดความหมองคล้ำ: HA ที่กระจายมาถึงผิวชั้นบน จะช่วยให้ผิวคุณภาพดียิ่งขึ้น เกิดการสะท้อนแสง การกระเจิงของแสง ทำให้ผิวฉ่ำวาว (ที่เรียกว่า Glass Skin) จึงช่วยลดความหมองคล้ำ ดูสุขภาพดีขึ้น

3. ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

  • บริเวณใบหน้าและลำคอ: Profhilo ช่วยยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย ทั้งใบหน้า แก้ม กรอบหน้า คอ และเหนียง จากการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน

4. ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ รอยแผลเป็น หลุมสิว

  • ลดเลือนริ้วรอย: การปรับปรุงโครงสร้างผิวให้แน่นกระชับ การกระตุ้นคอลลาเจน รวมถึงกระตุ้นการซ่อมแซมผิวชั้นนอก ช่วยให้ริ้วรอยเล็ก ๆ ตื้นขึ้นได้
  • ฟื้นฟูรอยแผลเป็นจากสิว: Profhilo ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูเนื้อเยื่อผ่านหลายกระบวนการ จึงช่วยลดรอยแผลเป็นและทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น การฉีดคู่กับการรักษาหลุมสิวและรอยแผลเป็นด้วยเลเซอร์ จะยิ่งช่วยเสริมฤทธิ์ให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น

5. ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม

  • ฟื้นฟูทุกชั้นผิว: จากคุณสมบัติที่สาร HCC สามารถกระจายตัวได้ดี และเร็วมาก ยาจะกระจายไปยังผิวหนังชั้นตื้น ชั้นโครงสร้างผิว ชั้นไขมัน ชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการซ่อมแซมผิวได้ทุกชั้น จึงเหมาะกับท่านที่ต้องการแก้ปัญหาทุกชั้นผิวพร้อม ๆ กัน 
  • แก้หลายปัญหาในครั้งเดียว: เพราะสาร HCC สามารถกระตุ้นได้ทั้ง Keratinocyte (ผิวชั้นนอก) , Fibroblast (คอลลาเจน) , Adipocyte (ชั้นไขมัน) และ Myocyte (ชั้นกล้ามเนื้อ) จึงให้ผลกับผิวอย่างครอบคลุม จึงเหมาะกับการฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยรวมให้แข็งแรง สุขภาพดี กระชับ ยืดหยุ่นขึ้น

6. ต้องการการฉีดที่ง่าย เจ็บน้อยกว่า และใช้เวลาไม่นาน

  • ไม่ต้องหยุดงานหรือพักฟื้น: Profhilo มีจุดเด่นที่กระจายตัวยาได้ดีมาก จึงไม่ต้องฉีดหลายจุด ลดโอกาสการช้ำ จึงสามารถกลับไปทำงานได้ทันที
  • บวมน้อย ยุบไว: สาร HCC เป็นการเชื่อมโมเลกุล HYA ด้วยเทคนิคการปรับอุณหภูมิ ไม่ต้องใช้สารเคมี ทำให้ลดโอกาสบวมหลังฉีด และจากที่ยากระจายดี อาการบวมบริเวณจุดฉีดจึงลดได้อย่างรวดเร็ว (ประมาณ 50% ใน 3 ชม. และ 100% ใน 24 ชม.)
  • ใช้เวลาน้อย: การฉีด Profhilo ใช้เพียง 5 จุด/ข้าง ในบริเวณแก้ม และ 15 จุด ทั่วลำคอ จึงใช้เวลาฉีดไม่นาน เพียง 15 นาทีก็สามารถฉีดได้ครบ เรียกได้ว่าเป็น Lunch Time Procedure

ขั้นตอนการฉีด Profhilo และการดูแลก่อน-หลังฉีด

ขั้นตอนการฉีด Profhilo
1. การปรึกษากับแพทย์ (Consultation)

  • แพทย์จะทำการตรวจประเมินสภาพผิวเพื่อวิเคราะห์ปัญหา และดูความเหมาะสมในการรักษาด้วยวิธีนี้
  • ให้คำแนะนำเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่คาดหวังและตำแหน่งที่เหมาะสมในการฉีด

2. เทคนิคการฉีด Bio Aesthetic Points (BAP)

  • แพทย์จะฉีด Profhilo ที่จุด Bio Aesthetic Points ทั้งหมดข้างละ 5 จุดบนใบหน้า (ต่างจากการฉีด Filler งานผิว ที่ต้องฉีดอย่างน้อย 30 จุดต่อข้าง) และฉีดลำคอทั้งหมด 15 จุด
  • ใช้เวลาฉีดประมาณ 10-15 นาที

การดูแลก่อนฉีด Profhilo

1. หลีกเลี่ยงยาและอาหารเสริมบางชนิด

  • หยุดใช้ยา แอสไพริน (Aspirin) หรือ ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น Brufen , Naproxen , Ponstan ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อป้องกันการช้ำ
  • หลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี Fish-Oil แปะก๊วย

2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

  • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีดเพื่อลดความเสี่ยงต่อการบวมและช้ำ

การดูแลหลังฉีด Profhilo

1. หลีกเลี่ยงการนวด:
 งดการนวดหรือกดใบหน้าในบริเวณที่ฉีดอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีด

2. งดใช้ผลิตภัณฑ์ระคายเคืองผิวบางชนิด: หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA, เรตินอล หรือผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรงอย่างน้อย 3 วัน

3. ดื่มน้ำมากขึ้น: การดื่มน้ำมากๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Hyaluronic Acid ในการเติมความชุ่มชื้น

4. สังเกตอาการผิดปกติ: หากมีอาการบวมแดง เจ็บ หรืออักเสบมากกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

ระยะเวลาการฟื้นตัว

  • Profhilo ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ทันทีหลังฉีด สามารถแต่งหน้าได้
  • จะมีอาการบวมบริเวณจุดที่ฉีด จากตัวยาที่จะค่อย ๆ กระจายตัวไป โดยอาการบวมจะลดลง 50% หลังฉีด 6 ชม. และหาย 100% หลังฉีด 24 ชม.

Profhilo ต้องฉีดกี่หลอด

จากงานวิจัย เพื่อผลลัพธ์ที่ดี แนะนำให้ฉีด อย่างน้อย 1 หลอด ติดกัน 2 ครั้ง (ห่าง 1 เดือน) และประเมินผลลัพธ์อีกทีที่ 4 เดือน หากยังต้องการผลลัพธ์ที่มากขึ้น ก็สามารถฉีดซ้ำได้อีก ขึ้นกับแพทย์ที่ทำการรักษา

สำหรับ 1 หลอดของ Profhilo ประกอบด้วยตัวยา 2 CC ซึ่งเพียงพอต่อการฉีดใบหน้าทั้ง 2 ข้าง แต่หากต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวบริเวณคอด้วย จะต้องเพิ่มอีก 1 หลอดครับ

โดยสรุปคือ หากฉีดเฉพาะใบหน้า ใช้ยาอย่างน้อย 2 หลอด (ครั้งละหลอด ห่างกัน 1 เดือน) หากฉีดทั้งใบหน้า และลำคอ ใช้ยาอย่างน้อย 4 หลอด (ครั้งละ 2 หลอด ห่างกัน 1 เดือน)

Profhilo ราคาเท่าไหร่

Profhilo ที่ผ่าน อย.ไทย และนำเข้าอย่างถูกต้อง จะมีราคามาตรฐานอยู่ที่ 35,000 บาท / หลอด ครับ 
แต่เนื่องจากการฉีดจำเป็นที่ต้องใช้อย่างน้อย 2 หลอดขึ้นไป หรือ อาจถึง 4 หลอด จึงมีราคาโปรโมชั่น สำหรับท่านที่ซื้อในครั้งเดียว (สามารถสอบถามโปรโมชั่นได้กับคลินิกเลยครับ)

Profhilo อันตรายไหม

จากข้อมูลวิจัย “Safety Assessment of High- and Low-Molecular-Weight Hyaluronans (Profhilo®) as Derived from Worldwide Postmarketing Data” โดย Daniel Cassuto และคณะ (2020)

การศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยของ Profhilo® ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลผลข้างเคียง (Adverse Events: AEs) จากการใช้งานในผู้ป่วยในช่วง 3 ปี มากกว่า 40,000 คนทั่วโลก ซึ่งพบว่ามีผลข้างเคียงเพียง 12 เคส และไม่มีเคสที่รุนแรง มักพบแค่อาการบวม แดง ช้ำ เท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากเทคนิคการฉีด และลักษณะเฉพาะบุคคล ไม่ได้เกิดจากตัวยา

ในมุมของหมอ ก็คิดว่า Profhilo เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยมาก เพราะมีส่วนประกอบเป็น HA อย่างเดียว ไม่มีสารเคมีอื่นผสม ดังนั้นหากจะระวังผลข้างเคียงก็ต้องระวังเรื่องของการเข้าเส้นเลือด หรือการอุดตันเส้นเลือดเป็นหลัก แต่เมื่อพิจารณาจากวิธีการฉีด และลักษณะของ HA ที่มีความเป็นน้ำสูง จึงถือว่ายังปลอดภัยกว่าการฉีดฟิลเลอร์ที่มีโอกาสเข้าเส้นเลือดได้มากกว่าด้วยครับ

ตัวอย่างผลลัพธ์หลังฉีด Profhilo (จากต่างประเทศ)
จากตัวอย่างรูปผลลัพธ์ จะเห็นได้ว่า หลังการฉีด ผิวมีลักษณะที่ดีขึ้น ในเรื่องความกระชับ และริ้วรอย ทั้งบริเวณใบหน้าและลำคอ แต่อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ก็ขึ้นกับหลายปัจจัย ทั้งอายุ เพศ Lifestyle การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีด จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินผิว และความเหมาะสม ในการรับการรักษานี้ เพื่อให้เกิดความคุ่มค่า และประโยชน์สูงสุดครับ

 

Guarantee ด้วยประสบการณ์ฉีดกว่า 10 ปี และรางวัลมากมาย

 

 

 

 

ติดต่อเรา/ปรึกษาแพทย์