ISSAVEE CUSTOMER REVIEW
Ulthera Prime

Ulthera Prime คืออะไร


Ulthera Prime คือเวอร์ชันใหม่ล่าสุดของเครื่อง Ulthera ที่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องจากรุ่นเดิม ซึ่งเป็นมาตรฐานทองคำ (Gold Standard) ของการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด (ใช้มานาน
กว่า 15 ปี) เป็นการอัปเกรดเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคในด้าน ประสิทธิภาพ, ความแม่นยำ, และ ความปลอดภัย

Ulthera Prime ใช้เทคโนโลยีอัลตร้าซาวด์ที่เรียกว่า MFU-V (Micro-focused Ultrasound with Visualization) ซึ่งเป็นการส่งพลังงานอัลตราซาวด์ความถี่สูง เข้าสู่ชั้นผิวหนังลึกอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะในชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า การยิงพลังงานความร้อนจากอัลตร้าซาวด์ลงในชั้นนี้ จะทำให้เกิดการดึงกระชับ และเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ส่งผลให้ผิวเกิดความเต่งตึงกระชับยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Ultherapy Prime ยังสามารถยิงกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นตื้นและชั้นกลาง ช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ของผิว ช่วยฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ ปรับปรุงคุณภาพผิว และลดริ้วรอย ได้อีกด้วยครับ

Ulthera Prime มีอะไรใหม่

Ulthera Prime เร็วขึ้นกว่าเดิม

  • เร็วขึ้น 20%: ใช้เวลาน้อยลงในการรักษา แต่ยังคงผลลัพธ์ที่ยาวนาน
  • ประสิทธิภาพการประมวลผลเร็วขึ้น 10 เท่า : ด้วยระบบ dual-core processor ใหม่ ที่ทำให้คำสั่งตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • เปิดเครื่องเร็วขึ้นเกือบ 2 เท่า: พร้อมใช้งานในเวลาอันสั้น

การมองเห็นที่ชัดเจนและใหญ่กว่า

  • จอขนาดใหญ่ 19 นิ้ว: ใหญ่ขึ้น 35% พร้อมความละเอียดสูง
  • พื้นที่แสดงผลอัลตราซาวด์กว้างกว่า 2 เท่า: ช่วยให้แพทย์มองเห็นรายละเอียดชั้นผิวได้ชัดเจนและแม่นยำขึ้น
  • ความลึกที่ชัดถึง 8 มม.: ลดสัญญาณรบกวน (Noise) ทำให้มองเห็นภาพชั้นใต้ผิวหนัง ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ภาพสวยคมจากทุกมุมมอง: รองรับการปรับมุมมองหน้าจอ เพิ่มความสะดวกในการรักษาของแพทย์มากยิ่งขึ้น

Handpiece และ Transducer ที่พัฒนาขึ้น

  • หัวอุปกรณ์จับถนัดมือ: ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อลดความเมื่อยล้าของแพทย์
  • Transducer DeepSEE® รุ่นใหม่:
    ใช้เทคโนโลยี Collimated Ultrasound
    รองรับการรักษา 3 ระดับความลึก (1.5 มม., 3 มม., 4.5 มม.)
    สามารถมองเห็นและรักษาพร้อมกันในชั้นผิวลึกถึง SMAS

Ulthera Prime ดีกว่าเดิมจริงไหม

เมื่อเปรียบเทียบ Ulthera Prime กับ Ulthera รุ่นเก่า จะพบว่าในแง่ของ พลังงานและกลไกการรักษา เช่น การยิงพลังงาน Micro-focused Ultrasound เพื่อการยกกระชับผิว ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้างหรือวิธีการทำงานหลัก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ถูกพัฒนาและเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนใน Ulthera Prime คือด้านเทคโนโลยีที่ช่วยให้การรักษามี ความเร็ว ความแม่นยำ และ ความเสถียรที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์การรักษา แต่กลับช่วยเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพให้กับแพทย์อย่างมาก

ข้อที่สำคัญที่สุดเลยคือ ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ภาพที่ชัดขึ้น ซึ่งทำให้หมอสามารถสแกนดูชั้นใต้ผิว ที่เราต้องการยิงพลังงานลงไปได้ชัดเจนขึ้น ว่าตำแหน่ง SMAS ลึกแค่ไหน คอลลาเจนชั้นกลาง ชั้นตื้น ลึกแค่ไหน ทำให้การเลือกความลืกในการยิงดียิ่งขึ้น ก็ทำให้ผลการรักษายิ่งดีขึ้นครับ

โดยสรุปคือ การอัปเกรดใหม่ของ Ulthera Prime จะช่วยในเรื่อง Visual ที่ดีขึ้น อำนวยความสะดวกในการรักษาของแพทย์มากขึ้น และช่วยเพิ่มความมั่นใจในความแม่นยำ และความปลอดภัยในการรักษายิ่งขึ้นครับ

Ultherapy Prime มาตรฐาน Gold Standard ยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด


Ultherapy Prime คือเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในระดับ Gold Standard ด้านการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการใช้พลังงาน Microfocused Ultrasound with Visualization (MFU-V) ซึ่งมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่พิสูจน์ได้จากข้อมูลทางคลินิกที่ครอบคลุมมากที่สุดในปัจจุบัน

จุดเด่นของมาตรฐาน Gold Standard ของ Ultherapy Prime

ตัวเลือกการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด

  • มี โปรไฟล์ความปลอดภัยที่มั่นใจได้ จากการศึกษาทางคลินิกจำนวนมาก
  • ผลลัพธ์การยกกระชับผิวที่ได้รับการรับรองทางวิทยาศาสตร์

การรับรองจาก FDA

  • ผ่านการรับรองจาก FDA ในการยกกระชับผิวบริเวณคิ้ว คอ ใต้คาง และลดเลือนริ้วรอยบริเวณหน้าอก (décolletage)

ระบบ Visualization เห็นภาพก่อนรักษา

  • การมองเห็นชั้นใต้ผิวหนังจากการ Scan ด้วยคลื่นอัลตร้าซาวด์ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษา
  • ได้ผลดีกว่าเครื่องมือที่ยิงแบบไม่เห็นภาพจริง
  • ช่วยปรับแต่งการรักษาให้เหมาะสมได้เป็นรายบุคคล

การส่งพลังงานอย่างแม่นยำ

  • พลังงาน Microfocused Ultrasound ของ Ulthera Prime สูงมากพอ ที่ทำให้ความร้อนถึงอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใหม่ (Neocollagenesis) 
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อผิวที่กระชับและดูอ่อนเยาว์

ประวัติและความน่าเชื่อถือของ Ultherapy

  • ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2004
  • เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในวงการความงาม

รางวัลและการยอมรับในระดับสากล

  • ผ่านการรักษามาแล้วกว่า 3 ล้านเคส กว่า 80 ประเทศทั่วโลก
  • สนับสนุนด้วย 50 การศึกษาทางคลินิก และ 120 บทความวิจัยทางการแพทย์
  • ครอบครอง สิทธิบัตรกว่า 100 รายการ

ด้วยมาตรฐาน Gold Standard และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย Ultherapy Prime จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยไม่ต้องพักฟื้นหรือลงมีดผ่าตัดครับ

กลไกกระตุ้นคอลลาเจน และยกกระชับของ Ultherapy Prime

เมื่ออายุมากขึ้น (หลัง 25) คอลลาเจนในผิวหนังของเราจะเริ่มลดลง 1% ในทุก ๆ ปี มีการเสื่อมสภาพทั้งคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกิดริ้วรอย และผิวที่หย่อนคล้อยตามมา Ulthera Prime ใช้เทคโนโลยี MFU ในการกระตุ้นการสร้างใหม่ของทั้ง Collagen และ Elastin ผ่าน 3 ข้อดังนี้

สร้างจุดความร้อนสูงในชั้นคอลลาเจน

พลังงานของ Ultherapy Prime จะลงเป็นจุดความร้อนเล็ก ๆ ที่เรียกว่า TCPs (Thermal Coagulation Points) ซึ่งมีอุณหภูมิ 60–70°C ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

  • แม่นยำ : เลือกการยิง TCPs ได้ที่ความลึก 1.5 มม., 3.0 มม., และ 4.5 มม.
  • มองเห็นชั้นผิวตลอดเวลาที่ยิง  (Real-time Visualization): ทำให้การรักษามีความแม่นยำ ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ
  • สร้างความร้อนเฉพาะจุดในเนื้อเยื่อ โดยชั้นผิวด้านบนและเนื้อเยื่อรอบข้างไม่ได้รับผลกระทบ จึงไม่จำเป็นต้องใช้ความเย็นประคบ หรือป้องกันผิวด้านนอก

เลือกยิงได้ 3 ระดับ ตามตำแหน่งชั้นคอลลาเจน

เทคโนโลยี MFUS สามารถส่งพลังงานลงลึกถึง SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่สำคัญต่อการยกกระชับ (ชั้นเดียวที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการดึงหน้า) ซึ่งถือว่าเป็นจุดของ Ultherapy Prime เพราะเครื่องมืออื่น ๆ ไม่สามารถยิงให้ถึงชั้นนี้ได้

  • ชั้น SMAS อยู่ลึกใต้ชั้นไขมันใต้ผิวหนังและล้อมรอบกล้ามเนื้อแสดงสีหน้า
  • ชั้นนี้ประกอบด้วยคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินที่มีความยืดหยุ่นและความคงทนสูงกว่าชั้นผิวทั่วไป
  • การรักษาในชั้น SMAS ช่วยกระชับผิวได้จริง และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่าเทคโนโลยีที่ไม่ใช่การผ่าตัดอื่น ๆ

สำหรับชั้น SMAS มักจะต้องใช้หัวยิงที่ลึก 4.5 mm แต่ในบางท่านที่มีชั้นผิวหนังบาง ไขมันน้อย ก็อาจจะต้องเลือก 3.0 mm ดังนั้น การมองเห็นชั้นใต้ผิวหนัง การวัด และเลือกหัวใหม่เหมาะกับผิวของแต่ละคน จึงสำคัญมาก กับผลลัพธ์ที่จะได้

นอกจากนี้ การรักษาด้วย Ulthera Prime ยังต้องรักษาแบบ Dual- Layer ซึ่งหมอจะทำการยิงชั้น SMAS ควบคู่ไปกับชั้นคอลลาเจนในชั้นกลาง (ชั้นไขมัน) ซึ่งมีหลายงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า การยิงเทคนิคนี้จะให้ผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีกว่า โดยมักจะต้องใช้หัวยิง 3.0 mm หรืออาจจะต้องเป็น 1.5 mm ขึ้นกับแต่ละตำแหน่ง

ส่วนคอลลาเจนชั้นตื้น บริเวณชั้นหนังแท้ ซึ่งมักใช้หัวยิงลึก 1.5 mm มักจะใช้เฉพาะแต่ละบุคคล ขึ้นกับสภาพผิว และตำแหน่งที่ต้องการรักษาด้วยครับ

กระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ 3 ระยะ

Ulthera Prime จะส่งผลต่อการยกกระชับ ทั้งผลระยะสั้น และผลระยะยาว ผ่าน 3 ระยะดังนี้

ระยะที่ 1: ระยะอักเสบชั่วคราว (Temporary Inflammation)

  • ความร้อนจาก Ulthera Prime ทำให้เกิดจุดความร้อน TCPs ที่สูง 60-70 องศา ซึ่งทำให้คอลลาเจนที่มีอยู่แล้วเกิดการหดตัว เกิดเป็นผลลัพธ์การยกกระชับบางส่วนทันที (ประมาณ 20%) 
  • นอกจากผลการยกกระชับทันที จุด TCPs นี้ ยังส่งผลระยะยาวผ่านระบบการอักเสบ เพื่อสมานแผลที่เกิดจากจุดความร้อนนี้
  • เซลล์แมคโครฟาจ จะกำจัดเนื้อเยื่อที่ได้รับผลกระทบ พร้อมปล่อย ไซโตไคน์ (Cytokines) เพื่อดึงดูดเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เข้าสู่บริเวณที่ทำการรักษา

ระยะที่ 2: การเพิ่มจำนวนเซลล์ (Proliferation)

  • ไฟโบรบลาสต์ เริ่มผลิตคอลลาเจนชนิดที่ 3 และสารสำคัญอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการฟื้นฟูโครงสร้างผิว และโครงสร้างคอลลาเจน
  • การเพิ่มจำนวนเซลล์ จะส่งผลให้ผิวเริ่มแน่นและดูเต็มขึ้น

ระยะที่ 3: การสร้างโครงสร้างใหม่ (Maturation & Remodeling)

  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 จะถูกแทนที่ด้วยคอลลาเจนชนิดที่ 1 ซึ่งสร้างโครงสร้างอย่างแน่นหนาและแข็งแรง
  • ผลลัพธ์คือผิวที่กระชับและเรียบเนียนในระยะยาว

คอลลาเจนดีขึ้น ความพึงพอใจมากขึ้นชัดเจน

จากงานวิจัยเฉพาะของ Ultherapy ซึ่งได้ทำการทดลองโดยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วย Ultherapy เฉพาะ ด้านหนึ่งของใบหน้า พบว่า อัตราการสร้างคอลลาเจนในด้านที่ได้รับการรักษาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.4 เท่า เมื่อเทียบกับด้านที่ไม่ได้รับการรักษา

โดยเฉพาะคอลลาเจนชนิดที่ I และ III ซึ่งเป็นชนิดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสื่อมของผิวตามวัย มีอัตราการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 42% ในด้านที่ได้รับการรักษาด้วย Ultherapy

คอลลาเจนชนิดที่ I และ III มีบทบาทสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่น ความกระชับ และความแข็งแรงของผิว ซึ่งการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนี้ชี้ให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงบวกของ Ultherapy ในการฟื้นฟูผิวและลดสัญญาณของความเสื่อมตามวัยอย่างชัดเจน

(ที่มา Sasaki G, Grossman J, Fabi SG, et al. Stimulation of Collagen Synthesis in Human Skin Following Microfocused Ultrasound Therapy. Presented at the ASDS 2018 Annual Meeting.)

Ultherapy Prime VS HIFU

Ulthera และ HIFU ต่างใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว โดยทั้ง 2 วิธี ได้รับการยอมรับว่าเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยของผิว แต่ Ulthera Prime ก็ยังดีกว่า HIFU ในหลาย ๆ แง่มุมดังนี้

1. ความแม่นยำในการส่งพลังงาน

  • Ulthera ใช้เทคโนโลยี Microfocused Ultrasound (MFUS) ที่ให้พลังงานเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำ เท่ากันทุกจุด ยิงได้ตรงชั้น และใช้หัวยิงที่มีความถี่สูงกว่า HIFU
  • HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ส่งพลังงานแบบโฟกัสเช่นกัน แต่ระบบโดยรวมยังมีความแม่นยำน้อยกว่า อาจส่งจุดความร้อนไม่เท่ากัน และเลือกการยิงให้ตรงชั้นไม่ได้

2. ระบบ Visualization แบบ Real-Time

  • Ulthera มีจุดเด่นคือการทำงานร่วมกับระบบ Visualization เห็นชั้นใต้ผิวหนังแบบเรียลไทม์ จึงช่วยเพิ่มความแม่นยำในการส่งพลังงานไปยังชั้นเป้าหมาย เช่น ชั้น SMAS ,ชั้นคอลลาเจนระดับกลางและตื้น
  • HIFU ไม่มีระบบ Visualization ส่งผลต่อความแม่นยำในการรักษา และไม่สามารถเลือกยิงให้ถูกชั้นได้

3. ความลึกของพลังงานที่ส่ง

  • Ulthera สามารถส่งพลังงานได้ที่ความลึก 1.5 มม., 3.0 มม., และ 4.5 มม. ซึ่งครอบคลุมชั้นผิวตั้งแต่ Dermis ไปจนถึง SMAS
  • HIFU แม้สามารถส่งพลังงานได้ลึก แต่ไม่มีความสม่ำเสมอในการส่งพลังงานในแต่ละชั้น ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

4. อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการรักษา

  • Ulthera ส่งพลังงานในอุณหภูมิ 60–70°C ซึ่งเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจน
  • HIFU อาจไม่สามารถรักษาอุณหภูมิได้สม่ำเสมอในทุกชั้นผิว

5. ผลลัพธ์ทางการแพทย์
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า Ulthera มีข้อได้เปรียบในด้านความแม่นยำและผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า HIFU เนื่องจากสามารถส่งพลังงานได้ลึกและแม่นยำกว่า รวมถึงการมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ที่ช่วยให้แพทย์สามารถปรับแต่งการรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น

โดยสรุปแล้ว Ulthera Prime มีข้อได้เปรียบในด้านความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือ ทั้งด้านผลลัพธ์และความปลอดภัย โดยเฉพาะการมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา ในขณะที่ HIFU อาจเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาในระดับพื้นฐานหรือกรณีที่ความแม่นยำไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ

Ultherapy Prime VS Thermage 

Ulthera Prime และ Thermage ต่างเป็นเทคโนโลยีที่ดีสำหรับการรักษาปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอย โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว แต่ทั้งสองวิธีมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน

1. เทคโนโลยีและกลไกการทำงาน

  • Ulthera Prime: ใช้เทคโนโลยี Microfocused Ultrasound (MFUs) ซึ่งลงพลังงานเป็นจุดเล็ก ๆ ได้ลึกถึงชั้น SMAS ซึ่ง Thermage จะลงไม่ถึงชั้นนี้
  • Thermage: ใช้เทคโนโลยี Radiofrequency (RF) เป็นความร้อนจากคลื่นวิทยุ ที่ลงพลังงานเป็นก้อนใหญ่ ๆ ซึ่งจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับโครงสร้างผิวในชั้นบนและชั้นกลางเป็นหลัก (Dermis และ Subcutaneous Tissue)'

2. ความลึกของพลังงานที่ส่ง

  • Ulthera Prime: สามารถส่งพลังงานได้ลึก 3 ระดับ ตั้งแต่ 1.5 มม., 3.0 มม., และ 4.5 มม. ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ชั้นตื้น (Dermis) ไปจนถึง SMAS
  • Thermage: ส่งพลังงานได้ในระดับตื้นกว่า โดยเน้นที่ผิวหนังชั้นบน และชั้นกลาง , ชั้นไขมัน

3. อุณหภูมิในการรักษา

  • Ulthera Prime: ส่งพลังงานในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับ การสร้างคอลลาเจน คือ 60–70°C
  • Thermage: ความร้อนจะลงเป็นก้อนใหญ่ ๆ โดยมีความร้อนที่น้อยกว่า คือประมาณ 55-60°C ซึ่งเพียงพอต่อการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนในชั้นตื้น ชั้นกลาง แต่อาจไม่เพียงพอในชั้นลึก

4. ผลลัพธ์

  • Ulthera Prime: ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในเรื่องการดึงหน้า (Lifting) และเหมาะกับท่านที่หน้าตอบ ผิวบาง มากกว่าการทำ Thermage
  • Thermage: ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ในเรื่องคุณภาพผิวภายนอก ทั้งการกระชับผิว (Tightening) การปรับผิวเรียบเนียน ลดรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย และยังได้ผลเรื่องการ Lifting ด้วยเช่นกัน (แต่น้อยว่า Ulthera Prime) นอกจากนี้ Thermage ยังดีกับท่านที่มีไขมันแก้มเยอะ เพราะ Thermage สามารถทำให้ไขมันแก้มลดลง ฟีบลงได้ด้วย

สรุป: Ulthera Prime หรือ Thermage เหมาะกับใคร?

  • Ulthera Prime: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผล Lifting เป็นหลัก หรือผู้ที่ใบหน้ามีไขมันน้อย ใบหน้าตอบ
  • Thermage: เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันแก้มเยอะ หรือต้องการปรับผิวให้คุณภาพผิวดีขึ้น ร่วมกับการยกกระชับ

ทั้งนี้ ท่านใดที่ใบหน้าปกติ หน้าไม่ตอบ หรือไขมันไม่ได้เยอะ การทำทั้งสองตัวควบคู่กัน เช่น ทำสลับกันทุก 6 เดือน ระหว่าง Ulthera Prime และ Thermage ก็จะยิ่งได้ผลลัพธ์การยกกระชับที่มากขึ้น และยังช่วยเรื่องการปรับสภาพผิวให้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

Ultherapy เหมาะกับใคร

Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูและยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัยสูง และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งเหมาะกับกลุ่มคนดังต่อไปนี้

1. ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป

  • ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยเล็ก ๆ และต้องการฟื้นฟูผิวให้กระชับ
  • ครอบคลุมการรักษาบริเวณใบหน้า กรอบหน้า เหนียง ลำคอ และเนินอก

2. ผู้ที่กังวลเรื่องความหย่อนคล้อยและหนังตาตก

  • ผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก หางตาตก แต่ยังไม่อยากผ่าตัดดึงหน้า
  • Ultherapy Prime ช่วย ยกคิ้วและหนังตา ได้เฉลี่ยประมาณ 2-4 mm (จากงานวิจัย)

3. ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าและกรอบหน้าให้ชัดเจน

  • ผู้ที่มีไขมันแก้มไม่มาก แต่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว
  • ช่วยให้กรอบหน้าชัดขึ้น ลดเหนียง และปรับแนวกราม

4. ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์

  • ผู้ที่ต้องการผิวที่แน่น กระชับ ต้องการกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อผิวที่แข็งแรง ริ้วรอยลดลง

คำถามที่พบบ่อย Ultherapy Prime

1.ข้อเสีย การทำ Ulthera Prime มีอะไรบ้าง ?

  • มักมีอาการบวมหลังทำ ประมาณ 1 สัปดาห์ 
  • อาจมีรอยแดงเกิดขึ้นหลังทำทันที ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 1 ชั่วโมง
  • ผู้ที่มีไขมันบริเวณใบหน้ามากเกินไป หรือผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยขั้นรุนแรง อาจไม่ได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจจาก Ulthera Prime
  • แม้ว่าจะเห็นผลบางส่วนทันทีหลังทำ (ประมาณ 20%) แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะเริ่มปรากฏในช่วง 2-3 เดือน และเห็นผลเต็มที่สุดในช่วง 6 เดือน
  • การทำ Ulthera Prime นับเป็นการรักษาที่ค่อนข้างเจ็บ (ซึ่งที่อิสสวีร์คลินิกหมอจะมีการฉีดยาชา ร่วมกับการแปะยาชา เพื่อลดความเจ็บระหว่างทำด้วย)

2. ควรยิง Ulthera Prime กี่ Line

  • แต่ละคนใช้จำนวน Line ที่ยิงไม่เท่ากัน ควรประเมินจากอายุ ลักษณะผิว คุณภาพผิว ความชราของผิว Lifestyle รวมไปถึงการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์
  • จากงานวิจัย ในฝั่งยุโรป อเมริกา แนะนำที่ 800-1200 line ต่อครั้ง แต่จากงานวิจัยของฝั่งเอเชีย และจากประสบการณ์ของหมอที่อิสสวีร์คลินิก แนะนำที่ประมาณ 250-300 line หรืออาจจะถึง 600 line ในท่านที่มีปัญหาเยอะครับ

3.ต้องทำบ่อยแค่ไหน

  • จากงานวิจัย แนะนำว่า อายุ 30-45 ให้ทำทุก 2 ปี และถ้าอายุเกิน 50 ปี ให้ทำทุก 1 ปี
  • แต่จากทางปฏิบัติ ที่อิสสวีร์คลินิก หมอแนะนำว่าหากเป็นไปได้ การทำ Ultherapy Prime ทุกปี (เว้นอย่างน้อย 8 เดือน) ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า หากไม่ติดปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ก็ควรทำทุก 1 ปีครับ

4.ควรทำ Ulthera Prime คู่กับ Biostimulator ไหม

  • จากงานวิจัย พบว่า การทำ Ulthera Prime พร้อม ๆ กับการฉีด Biostimulator เช่น PLLA หรือ CaHA ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทำแยกกัน 
  • การทำคู่กัน ทำให้ลดการใช้ Ulthera ให้ใช้จำนวน line น้อยลงได้ โดยที่ผลลัพธ์ดีขึ้นกว่าเดิม
  • โดยสรุปจากประสบการณ์ของหมอ คือแนะนำให้ทำคู่กันหากเป็นไปได้ และคนไข้ไม่มีข้อห้ามในการฉีด

5.Ulthera Prime ราคาเท่าไหร่ 

  • Ulthera Prime ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 130-150 บาท/ line ครับ ทั้งนี้ก่อนการเลือกยิง ต้องพิจารณาจากความน่าเชื่อถือ ว่าเป็นเครื่องแท้หรือไม่ด้วยครับ

ประสบการณ์งานฉีด กว่า 10 ปี ที่ดารา เซเลป Influencer ไว้วางใจ

 

 

 

Guarantee ด้วยประสบการณ์ฉีดกว่า 10 ปี และรางวัลมากมาย

 

 

 

ติดต่อเรา/ปรึกษาแพทย์