ดูดไขมันเหนียง คาง แก้ม
Before & After Gallery
ดูดไขมัน เหนียง คาง กรอบหน้า ใบหน้า คืออะไร
ดูดไขมันเหนียง คืออะไร?
การดูดไขมันเหนียง (Double Chin Liposuction) คือ การผ่าตัดลดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้คางและลำคอส่วนบน โดยการใช้เครื่องมือเช่นคลื่นอัลตร้าซาวน์ในการสลายเซลล์ไขมัน แล้วทำการดูดไขมันผ่านแผลเล็ก ๆ ใต้คาง ซึ่งที่อิสสวีร์คลินิก แพทย์จะทำการดูดไขมันทั้งบริเวณใต้คาง กรอบหน้า รวมถึงบริเวณแก้มล่างไปพร้อมกันได้
การดูดไขมันเหนียง จะทำให้กระเปาะไขมันใต้คางหายไปค่อนข้างถาวรภายในครั้งเดียว ต่างจากวิธีลดไขมันแบบอื่นๆ เช่น การฉีดเมโสเฟต หรือการลดน้ำหนัก ที่จะเป็นการลดขนาดเซลล์เท่านั้น แต่จำนวนเซลล์ยังเท่าเดิม ทำให้ไขมันกลับมาสะสมได้ใหม่ หลายท่านจึงเลือกให้การดูดไขมันเป็นวิธีมาตรฐานในการแก้ปัญหาเหนียง กรอบหน้า
ดูดไขมันกรอบหน้า คืออะไร?
ไขมันกรอบหน้า คือ ไขมันใต้ผิวหนังบริเวณแก้มส่วนล่าง และตามแนวขากรรไกร ท่านที่มีไขมันบริเวณกรอบหน้าเยอะจะเกิดร่องบุ๋ม ตรงรอยต่อระหว่างคางกับแก้ม และไขมันที่บดบังกระดูกขากรรไกร ทำให้ดูกรอบหน้าไม่ชัด ทำให้แก้มและคอไม่แยกออกจากกัน และเมื่ออายุที่มากขึ้น ผิวหนังเริ่มหย่อน ก็จะเกิดเป็นร่องน้ำหมากชัดขึ้น
การดูดไขมันกรอบหน้า เป็นการดูดไขมันผ่านแผลใต้คางเช่นเดียวกับการดูดไขมันเหนียง แต่จะมีการใช้เข็มดูดแบบพิเศษ ดูดไปตามแนวขากรรไกรมาจนถึงสุดกรอบหน้า ซึ่งจะช่วยให้เห็นกรอบหน้าชัดเป็นเส้นตรงจากคางไปที่มุมกราม ทำให้ผิวหนังกระชับขึ้น และมีรูปหน้าที่ดูเรียวขึ้น แยกคอกับคางได้ชัดขึ้นด้วยค่ะ
สำหรับที่อิสสวีร์คลินิก หมอจะทำการดูดไขมันบริเวณแก้มล่าง ซึ่งอยู่บนกระดูกกราม ควบคู่ไปด้วยในบางท่าน ซึ่งจะช่วยให้เห็นกรอบหน้าได้ชัดเจนขึ้น เหมาะกับท่านที่แก้มเยอะ แก้มห้อยมากจริง ๆ (แต่บริเวณแก้มด้านบน ไม่แนะนำให้ดูด แต่ใช้การตัดกระพุ้งแก้มแทนค่ะ)
ดูดไขมันหน้า คืออะไร
ไขมันหน้า หรือไขมันบนใบหน้าของเรา จะแบ่งเป็นส่วนๆ ตามโครงสร้างจุดยึดเกาะต่างๆ บนใบหน้า และจะแบ่งเป็นไขมันระดับตื้นและไขมันชั้นลึก โดยมีงานวิจัยพบว่าเมื่อเราอายุมากขึ้น ปริมาณไขมันบนใบหน้าของเราจะลดลงไปด้วย ร่วมกับผิวหนังที่เริ่มหย่อนคล้อย จะทำให้เกิดความไม่สวยงาม
การดูดไขมันใบหน้า ปัจจุบันไม่เป็นที่นิม เพราะมีผลข้างเคียงได้ง่าย การดูดไขมันบริเวณใบหน้าที่มากเกินไป อาจทำให้ดูแก่ก่อนวัย และมีโอกาสที่จะบาดเจ็บต่อเส้นประสาทหรือกล้ามเนื้อใบหน้าได้ ที่อิสสวีร์หมอจึงไม่แนะนำวิธีการดูดไขมันบริเวณใบหน้าค่ะ
ดูดไขมันแก้ม คืออะไร
การดูดไขมันแก้ม คือการดูดไขมันบริเวณกระพุ้งแก้มด้านนอก เหนือกระดูกกรอบหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่หลายท่านกังวล ทั้งรู้สึกว่าแก้มป่อง แก้มใหญ่ หรือแก้มคล้อย
การดูดไขมันบริเวณนี้ มีลักษณะเดียวกับบริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่แนะนำให้ใช้การดูดไขมันเป็นการรักษาแรก เพราะมักจะทำให้ผิวหนังบริเวณนี้เหี่ยวก่อนวัยได้ และอาจจะมีผลข้างเคียงเกี่ยวกับระบบประสาทได้ ดังนั้นที่อิสสวีร์คลินิก หมอจะใช้การตรวจก่อนว่าลักษณะแก้มเยอะเป็นจากสาเหตุใด หากเป็นจากไขมันใต้ผิวหนังที่มากเกินไป สามารถรักษาโดยการฉีด Mesofat หรือใช้ Thermage เพื่อให้ผิวหนังกระชับและไขมันบางลง ถ้าหากเกิดจากการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อชั้น SMAS สามารถรักษาโดยใช้ Focus Ultrasound เช่น HIFU, Ulthera, Ultraformer แต่ถ้าหากเกิดจากไขมันชั้นลึกหรือเป็นกระเปาะของไขมันกระพุ้งแก้ม สามารถรักษาได้โดยการตัดไขมันกระพุ้งแก้ม ผ่านแผลในช่องปาก ซึ่งทำได้ง่าย ได้ผลดี และผลข้างเคียงน้อยค่ะ
เลือกใช้การลดไขมันใบหน้าอย่างถูกวิธี
เนื่องจากบริเวณใบหน้า เป็นตำแหน่งที่เสี่ยงต่อเส้นประสาทในการดูดไขมัน ดังนั้นการลดไขมันบริเวณใบหน้า จึงควรเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมตามตำแหน่ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงต่าง ๆ ค่ะ
1. ไขมันแก้มส้ม : แนะนำใช้การทำ Thermage ซึ่งเป็นความร้อนจากคลื่น RF ช่วยให้ไขมันลดลง ฟีบลง และกระชับมากขึ้น รวมทั้งช่วยให้คุณภาพผิวดีขึ้นด้วย ไม่ควรใช้การดูดไขมัน เพราะจะทำให้ผิวแก่ก่อนวัย และเสี่ยงต่อเส้นประสาท (Thermage สามารถช่วยได้ทุกตำแหน่งของใบหน้า)
2. ไขมันกระพุ้งแก้ม : คือไขมันที่อยู่ใต้ชั้นกล้ามเนื้อ ติดกับกระพุ้งแก้มในปากของเรา ควรเลือกใช้การผ่าตัดไขมันบริเวณนี้ออก จะช่วยให้แก้มด้านนอกยุบลงตามมา อย่างเป็นธรรมชาติ (ถ้าใช้การดูดไขมันผิวจะเหี่ยว เป็นคลื่นได้)
3. ไขมันกรอบหน้า : คือไขมันเหนือบริเวณกระดูกกราม เป็นตำแหน่งที่สามารถใช้การรักษาด้วยการดูดไขมันได้ มักได้ผลดี ทำให้เห็นกรอบหน้าชัดเจนยิ่งขึ้น และปลอดภัย
ดูดไขมันเหนียง กรอบหน้า ทำลายเซลล์ไขมันอย่างถาวร เหมาะกับใคร
สิ่งแรกที่แพทย์ที่อิสสวีร์คลินิกจะต้องทำก่อนการดูดไขมันบริเวณเหนียง คือการประเมินก่อนว่า คุณเหมาะกับการรักษาด้วยวิธีนี้จริงหรือไม่ หรือจำเป็นต้องทำการรักษาอื่นร่วมกับการดูดไขมันด้วยหรือไม่
ส่วนมากแล้วการรักษาด้วยการดูดไขมันเพียงอย่างเดียวมักจะเพียงพอ หากคุณมีลักษณะดังต่อไปนี้
1. ไขมันสะสมบริเวณเหนียงและกรอบหน้า เกินเกณฑ์มาตรฐาน เห็นไขมันส่วนเกินเป็นชั้น ป่องเป็นกระเปาะออกมา กรอบหน้าไม่ชัดจากไขมันที่เชื่อมไปถึงคอ ซึ่งแพทย์จะทำการวัดไขมันอย่างละเอียดอีกครั้งก่อนการรักษา
2. ผิวหนังแข็งแรง ไม่หย่อนคล้อยเกินไป ส่วนมากผู้ที่อายุยังน้อยมักไม่มีปัญหาในข้อนี้ แต่ในท่านที่เริ่มมีอายุ ผิวหนังเริ่มหย่อน อาจจะต้องใช้การรักษาด้วยการดึงผิวหนังบริเวณคอ หรือทำการยกกระชับด้วย thermage หรือ ulthera ร่วมด้วย หลังจากการดูดไขมัน
3. กล้ามเนื้อใต้คอไม่เป็นเส้นหนาเกินไป กล้ามเนื้อลำคอ ที่ชื่อว่า Platysma (พลาทิสมา) ในบางท่านที่สูงอายุ อาจเห็นได้ชัดเจนเป็นลำ ร่วมกับความหย่อนคล้อย ควรใช้การผ่าตัดเย็บกระชับกล้ามเนื้อส่วนนี้ร่วมด้วย แต่ท่านที่ผิวหนังลำคอเรียบเนียนดี มีเส้นเล็กน้อยถือว่าเป็นเรื่องปกติ
4. กระดูกคาง และขากรรไกรสมส่วน ท่านที่คางไม่ถอย ไม่สั้น และมีกระดูกกรามชัด หลังดูดไขมันก็จะได้ผลลัพธ์ที่สวยงามแล้ว แต่หากมีปัญหาของกระดูกส่วนนี้อาจจะต้องทำการเสริมคางร่วมด้วย
เหนียง ลำคอ กรอบหน้า ที่สวยต้องเป็นอย่างไร
สำหรับรูปหน้าช่วงล่างและคอที่สวยงาม หมอจะประเมินจากหลายๆ ส่วนร่วมกัน โดยเบื้องต้นจะเป็นการดูสัดส่วน ที่เรียกว่า Youthful Neck โดยจะมีทั้งหมด 5 ข้อ ซึ่งเป็นลักษณะของช่วงกรอบหน้าและลำคอ ที่ดูสวยงามอ่อนวัยค่ะ
1. มุมองศาระหว่างคอกับคาง (Cervicomental Angle) อยู่ระหว่าง 105-120 องศา
2. มีกรอบหน้าที่ชัดเจน คมชัด (Distinct Inferior Mandibular Border)
3. ผิวหนังลำคอ กรอบหน้า เรียบเนียน กระชับ ไม่หย่อนคล้อย
4. ไม่มีเส้นบริเวณลำคอ
5. ไม่มีเส้นกล้ามเนื้อคอ (Platysma Band)
6. ไม่เห็นต่อมน้ำลายโตใต้กรอบหน้า (No Visible Submandibular Gland)
7. กล้ามเนื้อมุมกรามไม่ใหญ่จนเกินไป (Non-Hypertrophic Masseter Muscle)
สำหรับใครที่มีครบทั้ง 7 ข้อนี้ คุณเป็นคนที่มีใบหน้าช่วงล่าง และลำคอที่สวยแล้วค่ะ แต่ส่วนมากแล้วทุกคนจะมีปัญหาข้อใดข้อหนึ่งค่ะ ซึ่งที่ Issavee Clinic ของเรา จะมีการประเมินโดยหมออย่างละเอียด และชี้ปัญหาให้เห็น พร้อมกับการวางแผนการรักษาร่วมกับคนไข้ให้เหมาะสมกับแต่ละท่านที่สุดค่ะ
6 ข้อแตกต่าง ดูดไขมันเหนียง กรอบหน้า Issavee Clinic
1. วางแผนการดูดไขมันอย่างละเอียด
ที่อิสสวีร์คลินิก หมอจะทำการประเมินไขมันบริเวณเหนียง โดยดูจากภาพรวมของใบหน้า และลำคอ และที่สำคัญคือ ปริมาณไขมัน ซึ่งต้องมีอย่างเหมาะสมเพียงพอในการดูด เพราะตำแหน่งเหนียงเป็นตำแหน่งที่มีปัจจัยหลายอย่างร่วมด้วย สำหรับท่านใดที่ดูดไม่ได้ หมอก็จะแนะนำอย่างตรงไปตรงมา แล้วแนะนำวิธีการรักษาอื่นๆ ที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลคะ
2. การฉีดยาชา tumescent เจ็บน้อย
การฉีดยาชา บริเวณเหนียง ใบหน้า กรอบหน้า จะใช้ยาชาที่ผสมกับสาร โซเดียมไบคาร์โบเนต (NaHCO3) และอะดรีนาลีน (Adrenaline) ซึ่งมีข้อดีคือ ลดความเป็นกรดทำให้อาการแสบขณะเดินยาชาน้อยลง และทำให้เส้นเลือดหดตัวจะช่วยห้ามเลือดและยาชาออกฤทธ์ได้นานและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยคะ และการฉีดยาชาบริเวณนี้ มีความเจ็บที่น้อยมาก pain score เพียง 1-2 คะแนน จากเต็มคะแนน 10 เท่านั้น จึงไม่จำเป็นต้องใช้การดมยาสลบเพื่อดูดไขมันบริเวณนี้
3. สลายด้วย Ultrasound ดูดแบบ Microcanular บวมช้ำน้อย ไม่บาดเจ็บเส้นประสาท
การดูดไขมันบริเวณเหนียง และคอ ต้องดูดในปริมาณที่พอดี การดูดมากไปอาจทำให้เห็นเป็นคลื่น หรือทำให้ผิวหนังบางเห็นลำกล้ามเนื้อเป็นเส้นๆ ไม่สวยงาม ดังนั้น หมอจึงต้องใช้เทคนิคการดูดแบบ intermediate - deep plane เป็นหลักซึ่งจะมีข้อดีคือ มีชั้นไขมันบางๆบริเวณใต้ผิวหนังชั้นตื้น ปกคลุมอย่างสม่ำเสมอ และ ช่วยให้นอกจากเหนียงจะเล็กลงแล้ว ผิวหนังจะเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ รวมถึงอาการบวมช้ำที่น้อยมาก คนไข้จะต้องการการพักฟื้นสั้น ๆ เพียง 2-3 วัน เพื่อใช้เวลาใส่ชุดกระชับรัดบริเวณที่ดูดไขมันให้มากที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ที่อิสสสวีร์หมอเลือกใช้ เครื่อง Ultra-Z เพราะสามารถปรับให้พลังงานที่เหมาะสม ไม่แรงเกินไปจนผิวหนังไหม้ หรือบาดเจ็บต่อเส้นประสาท และสามารถสลายไขมันได้เป็นอย่างดี และเกลี่ยได้เรียบเนียน นอกจากนี้ความร้อนที่เกิดขึ้นในระดับที่พอเหมาะ จะกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวกระชับขั้นไม่หย่อนคล้อยได้อีกด้วย
4. เก็บกรอบหน้าด้วยเทคนิคพิเศษ ปลอดภัย เห็นผลชัดเจน
บริเวณกรอบหน้า จะเป็นบริเวณที่ต้องใช้ความชำนาญของหมอเป็นพิเศษค่ะ เพราะไขมันบริเวณกรอบหน้า จะมีจุดยึดเกาะตามธรรมชาติ (mandibular ligament) เป็นตัวกั้น ทำให้เข้าถึงบริเวณนี้ได้ยาก และดูดออกให้เรียบเนียนได้อยาก และเป็นตำแหน่งของเส้นประสาท มีโอกาสบาดเจ็บต่อเส้นประสาทสูง ซึ่งหมอจะใช้การทำแบบ tumesense hydrodissection ทำให้สามารถเข้าถึงกระเปาะไขมันนี้ได้ง่าย และดูดไขมันออกได้อย่างปลอดภัย ผ่านแผลเล็กใต้คาง ไม่จำเป็นต้องมีหลายๆ แผล
5. แผลเล็ก ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น
สำหรับการลงแผล จะเป็นการเปิดแผลเพียง 3-4 มิลลิเมตร โดยจะลงซ่อนแผลบริเวณใต้คาง เป็นจุดที่มองเห็นได้ยาก ซึ่งแผลเดียวก็สามารถดูดได้ทั่วบริเวณที่ต้องการ จะมีการติด port บริเวณแผลป้องกันไม่ให้อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ เสียดสีกับแผล หลังดูดไขมันเสร็จ จะปิดแผลแบบ primary closure จะทำให้แผลสมานตัวได้ดี อักเสบน้อย และลดโอกาสเกิดแผลเป็นคีลอยด์ได้คะ
6. ผิวเรียบเนียน เป็นธรรมชาติ
การดูดไขมันเหนียง และกรอบหน้า เป็นตำแหน่งที่ต้องอาศัยความละเอียดในการดูด ต้องคำนึงถึงเส้นเลือด เส้นประสาท และผังผืดต่าง ๆ
ที่อิสสวีร์คลินิก เรามีเทคนิคเฉพาะที่จะทำให้ผลลัพธ์การดูดเรียบเนียนมากที่สุด ทั้งการวางแผนให้ชัดเจนว่าตำแหน่งใดที่เป็น adhesion zone ซึ่งต้องดูดในปริมาณไม่มาก ตำแหน่งใดที่ต้องเน้นการดูดเป็นพิเศษ และที่สำคัญคือการไม่ดูดไขมันออกมากจนเกินไป ต้องเหลือไขมันติดผิวไว้บ้าง เพราะไขมันติดผิวจะทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียน และมีคุณภาพไม่หย่อนคล้อยเกินไป และการดูดไขมันติดผิวมากเกินไปจะทำให้ผิวไม่เรียบเป็นคลื่นได้
และเพื่อความเรียบเนียนมากที่สุด แพทย์ของเรามีหลักการว่า จะเน้นการดูดเพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงามเป็นหลัก ส่วนปริมาณไขมันที่ดูดออกไม่ใช่สิ่งสำคัญเท่ากับรูปร่างโดยรวมทั้งหมด การดูดจะต้องมีการนำไขมันออกในปริมาณที่พอดี โดยเฉพาะการดูดไขมันเหนียงที่ปริมาณไม่มาก แต่ต้องดูดให้บางที่สุดโดยรักษาความเรียบเนียนไว้ได้ด้วย
DPL neck lift คืออะไร
DPL NeckLift คือ "โปรแกรมลดเหนียง เก็บกรอบหน้า กระชับคอ " โดยในโปรแกรมนี้ จะเน้นการจัดการช่วงล่างของใบหน้า ตั้งแต่แก้ม กรอบหน้า คาง เหนียง คอ ให้มีมิติสวยงาม ได้สัดส่วน มากกว่าแค่การดูดไขมันเหนียงเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่เพียงพอในบางท่าน
ในโปรแกรม DPL NeckLift นี้ เป็นโปรแกรมเฉพาะของอิสสวีร์คลินิก ที่คุณหมอหลิน ณัฏฐา เป็นผู้คิดค้น เนื่องจากประสบการณ์ที่พบคนไข้ที่มีปัญหาช่วงเหนียง แก้ม ลำคอ มักจะเข้าใจว่าการดูดไขมันเหนียงเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้ แต่จริง ๆ แล้ว ช่วงคอและเหนียง ต้องดูหลาย ๆ องค์ประกอบร่วมกัน ตั้งแต่ ผิวหนัง ชั้นไขมันชั้นตื้น ไขมันชั้นลึก กล้ามเนื้อ รวมถึงโครงสร้างกระดูกด้วยค่ะ
ดังนั้นใน Program DPL NeckLift นี้ คุณหมอจะทำการวิเคราะห์ปัญหาของแต่ละท่านอย่างละเอียด ว่ามีปัญหาที่ระดับชั้นใดบ้าง และควรแก้ปัญหาอะไรบ้าง ใครที่มีปัญหาเพียงเล็กน้อย การดูดไขมันเหนียงก็เพียงพอ แต่ท่านที่มีปัญหาหลายระดับ เช่น อายุมาก เริ่มมีกล้ามเนื้อคอหย่อน ก็อาจจะต้องเย็บกระชับกล้ามเนื้อคอร่วมด้วยค่ะ
โดยรายละเอียดการรักษาในโปรแกรมนี้ จะประกอบด้วย
1. ดูดไขมันเหนียง
2. ดูดไขมันกรอบหน้า
3. ดูดไขมันแก้มล่าง
4. ตัดกระพุ้งแก้ม
5. ตัดไขมันเหนียงชั้นลึก
6. เย็บกระชับกล้ามเนื้อคอ Platysma NeckLift
7. เสริมคาง แก้ไขคางสั้น คางถอย สาเหตุของเหนียง
8. ดึงคอ ดึงหน้า ในท่านที่ผิวคอและหน้าเหี่ยวย่น
การเลือกวิธีที่เหมาะสม ในโปรแกรม DPL NeckLift ตามปัญหาของแต่ละบุคคล
ปัญหาเหนียง กรอบหน้า และคอ ในโปรแกรม DPL NeckLift จะเริ่มต้นที่การดูดไขมันเหนียงและกรอบหน้า คู่กับการรักษาที่แก้ปัญหาเฉพาะของแต่ละบุคคล แต่อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ ว่าคนไข้จะต้องทำหลายอย่างทุกคน เพราะส่วนมากแล้วปัญหาแต่ละท่านจะต่างกันไป ขึ้นกับอายุ สภาพผิว และลักษณะรูปหน้าค่ะ
ท่านที่มีปัญหาไขมันเหนียงเพียงอย่างเดียว ก็สามารถรักษาด้วยการดูดไขมันเหนียงและกรอบหน้าก็เพียงพอค่ะ ส่วนท่านที่อายุเยอะเริ่มมีลำคอหย่อนคล้อย ก็จะทำการเย็บกระชับกล้ามเนื้อคอร่วมด้วย โดยผ่านแผลใต้คางเพียงแผลเดียวค่ะ
แต่สำหรับกรณีพิเศษ เช่นท่านที่มีผิวหนังหย่อนมาก มีไขมันกระพุ้งแก้มเยอะ หรือมีปัญหาคางสั้น คางถอย ร่วมด้วย ก็อาจจะจำเป็นต้องทำการรักษาพิเศษร่วมด้วย เช่นการกระชับผิวด้วย J-Plasma การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม หรือการเสริมคางค่ะ
7 ขั้นตอน DPL NeckLift by Issavee
ขั้นตอนที่ 1 : ดูดไขมันเหนียงและกรอบหน้า
ในเทคนิค DPL neck lift จะเริ่มจากการดูดไขมันบริเวณเหนียง และกรอบหน้า โดยจะเป็นการดูดไขมันที่อยู่ใต้กระดูกคางและกรามเป็นหลัก
การดูดไขมันบริเวณนี้ ที่อิสสวีร์คลินิก หมอจะใช้เทคนิค 360 FTL ซึ่งจะมีการสลายไขมันด้วยคลื่นอัลตร้าซาวน์ สลายและดูดแบบ 3 ระดับ ลึก กลาง ตื้น ร่วมกับการตัดผังผืดระหว่างกลุ่มไขมัน หมอจึงสามารถดูดไขมันบริเวณเหนียงและกรอบหน้า ให้บางได้มากที่สุด ลดโอกาสการเกิดผิวเป็นคลื่น ไม่เรียบ
การดูดไขมันบริเวณกรอบหน้า จะต้องระมัดระวังเส้นประสาทที่อยู่บริเวณมุมกระดูกกรามเป็นพิเศษ จึงต้องใช้ความชำนาญของแพทย์อย่างมากค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 : ดูดไขมันแก้มล่าง
สำหรับท่านที่มีไขมันสะสมทั้งบริเวณเหนียง และมีกรอบหน้าที่ไม่ชัด จากที่มีแก้มเยอะ โดยเป็นแก้มที่ห้อยคล้อย บริเวณช่วงล่าง ลงมาปิดกระดูกกราม ทำให้ใบหน้า และกรามกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน การดูดไขมันแก้มล่าง ร่วมกับดูดไขมันเหนียงและกรอบหน้า ก็จะช่วยให้เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ
ขั้นตอนที่ 3 : ตัดไขมันชั้นลึก ใต้กล้ามเนื้อ
ก้อนไขมันบริเวณเหนียงของบางท่าน จะอยู่ลึกลงไปใต้กล้ามเนื้อ จึงใช้ดูดไขมันไม่ได้ค่ะ (การดูดไขมันสามารถทำได้เฉพาะไขมันใต้ผิวหนังเท่านั้น) จึงต้องใช้การตัดไขมันในโปรแกรม DPL NeckLift ช่วยด้วยค่ะ
ใน DPL NeckLift หมอจะทำการผ่าตัดก้อนไขมันชั้นลึกใต้กล้ามเนื้อออกไปพร้อมกันด้วย ซึ่งจะทำให้ได้มุมคาง และกรอบหน้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ โดยการรักษานี้มักจะทำร่วมกับการเย็บกล้ามเนื้อคอไปด้วยค่ะ
ขั้นตอนที่ 4 : เย็บกระชับกล้ามเนื้อพลาทิสม่า (platysma)
กล้ามเนื้อคอที่หย่อน อ่อนแรง เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหนียง และลำคอหย่อน ในหลายท่านเลยค่ะ โดยกล้ามเนื้อนี้เรียกว่า กล้ามเนื้อพลาทิสม่า (Platysma) ค่ะ
กล้ามเนื้อพลาทิสม่า (Platysma) เป็นกล้ามเนื้อแผ่นบาง ๆ ที่เกาะจากบริเวณแก้ม ผ่านลำคอ ลงมาถึงไหปลาร้า ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อหลักที่ส่งผลกับการหย่อนคล้อยของคอ ซึ่งจะมีบางท่านที่กล้ามเนื้อนี้มีการแยกจากกันตั้งแต่เด็ก ก็จะทำให้มีเหนียงได้ง่ายกว่าคนอื่นค่ะ (กล้ามเนื้อประสานกันแบบที่ 3)
เมื่อกล้ามเนื้อนี้เมื่อหย่อนหรือแยก ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาแก้มตก เกิดเหนียง เกิดเส้นแนวตั้งจากใต้คางลงมา และเกิดผิวหย่อนคล้อยรอบ ๆ เป็นเส้นแนวขวางด้วย ซึ่งการเย็บกล้ามเนื้อคอแบบ DPL neck lift ซึ่งเป็นการเย็บในด้านหน้า โดยใช้ไหมละลายแบบพิเศษชนิดละลายช้า จึงทำให้กล้ามเนื้อประสานติดกันได้อย่างค่อนข้างถาวรเลยค่ะ
ขั้นตอนที่ 5 : ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม
การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม เป็นการตัดไขมันแก้มด้านใน (buccal fat) ซึ่งเป็นไขมันชั้นลึก อยู่บริเวณแก้มทั้งสองข้าง โดยในท่านที่มีปัญหาใบหน้าช่วงล่างใหญ่ แก้มป่องเหมือนอมอะไรไว้ตลอดเวลา อาจจะต้องใช้การตัดกระพุ้งแก้มร่วมด้วย ซึ่งสามารถทำพร้อมไปกับการดูดไขมันได้
ซึ่งการตัดกระพุ้งแก้ม เทคนิคของเรา จะเปิดแผลเล็กภายในช่องปาก ใช้ Laser เผื่อให้เลือดออกน้อย ส่วนไขมันกระพุ้งแก้มที่ยื่นมาข้างแก้ม (buccal extension) จะถูกเอาออกทั้งหมด โดยที่จะไม่ดึงไขมันในส่วนของขมับออกมาด้วย (temperal extension) ซึ่งเป็นเทคนิคเก่าที่ทำให้เกิดขมับตอบ
การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม เป็นการรักษาที่ได้ผลดี ถาวร เจ็บน้อย เหมือนการทำฟัน หลังผ่าตัดจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยจะไม่ทำให้หน้าตอบหรือหย่อนคล้อยมากขึ้น
ตัวอย่างเคสที่รักษาด้วยการตัดกระพุ้งแก้มร่วมด้วย ในโปรแกรม DPL NeckLift
ขั้นตอนที่ 6 : เสริมคาง แก้คางสั้น คางถอย
คางสั้น คือ เวลามองหน้าตรง จะแบ่งใบหน้าเป็น 3 ส่วน ส่วนล่างที่มีระยะที่น้อยกว่า 1-0.8 จะเรียกว่าคางสั้น
คางถอย คือ เวลามองด้านข้าง จะมีเส้นองศาจมูก-ปาก-คาง และหน้าผาก-ใบหน้าส่วนกลาง-คาง หากคางอยู่หลังเส้นนี้ จะเรียกว่าคางถอย
ซึ่งคางสั้นคางถอย จะทำให้เห็นเหนียงง่าย กรอบหน้าไม่ชัด และ ผิวหนังจะคล้อยได้ง่ายกว่า การเพิ่มความยาวคาง ไม่ว่าจะเป็นวิธีเติมฟิลเลอร์ หรือ เสริมคาง จะช่วยทำให้ใบหน้าสมส่วน โครงหน้าชัดขึ้นได้ ร่วมกับการดูดไขมันเหนียงและกรอบหน้า จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี สมดุลเป็นธรรมชาติ
โดยขั้นตอนการทำคาง จะเลือก Silicone สำหรับคาง พรีเมี่ยม USA แท้ ขายาว/ขาสั้น ขนาดที่เหมาสมกับรูปหน้าแต่ละบุคคล วางใต้เยื่อหุ้มกระดูก เย็บล็อกฟิกตัว Silicone 3 ชั้น ลดโอกาสเกิดการเบี่ยวเอียง เสริมได้โดยผ่านแผลดูดไขมัน ซ่อนบริเวณใต้คาง หลังทำจะใส่เฝือกคาง 3-5 วัน เลี่ยงการกดรัดหรือเท้าคาง 1 เดือนค่ะ
ขั้นตอนที่ 7 : กระชับผิวที่หย่อนคล้อย ด้วย J-plasma ดึงคอ หรือ การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน
คอเหี่ยว คอย่น เป็นสัญญาณนึงของความชราที่มักถูกละเลย ทั้งที่จริงแล้วปัญหาคอเหี่ยว คอย่น มักจะเกิดก่อนใบหน้า เพราะผิวหนังบริเวณคอมีความบางที่มากกว่า มีไขมันน้อยกว่า และมีต่อมไขมันที่น้อยกว่าด้วย ทำให้ลำคอมีแนวโน้มที่จะแก่ชราจากอายุ และสภาวะแวดล้อม แสงแดด มลพิษ รวมถึงการก้มหน้าเล่นมือถือเยอะ ๆ ก็ทำให้คอเหี่ยว ได้มากกว่าใบหน้าด้วยค่ะ
หลายท่านที่มาปรึกษาเรื่องเหนียง และเริ่มมีอายุ ก็จะมีปัญหาผิวหนังที่เริ่มหย่อนคล้อย ซึ่งการรักษาด้วยการดูดไขมัน ตัดไขมัน การเย็บกล้ามเนื้อ plastysma จะช่วยได้ไม่ 100% จำเป็นต้องทำการแก้ปัญหาผิวหนังที่หย่อนคล้อยร่วมด้วย
สำหรับการรักษาลำคอหย่อนคล้อย สามารถเลือกได้หลากหลายวิธีค่ะ ได้แก่
1. J-Plasma
เป็นการใช้ RF และ Helium Plasma ส่งพลังงานความร้อนสูง ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเกิดการกระชับมากยิ่งขึ้น สำหรับ ข้อดีของวิธีนี้คือ ลักษณะเครื่องจะคล้ายกับหัวสลายไขมันซึ่งมีขนาดเล็ก จึงสามารถทำเพิ่มผ่านแผลดูดไขมันเหนียงขนาดเล็กใต้คางได้เลยในครั้งเดียวค่ะ
2.ผ่าตัดดึงหน้าและคอ
การดึงคอ หรือ Neck lift เป็นการผ่าตัดที่ช่วยแก้ปัญหาผิวคอเหี่ยว ขาดความยืดหยุ่น โดยเฉพาะบริเวณลำคอ และกรอบหน้า ซึ่งการผ่าตัดนี้จะรวมไปถึงการตัดผิวหนังส่วนเกิน ไขมันส่วนเกิด พร้อม ๆ ไปกับการทำ DPL NeckLift
ตัวอย่างการรักษาด้วยการดึงผิวหน้า และคอ เก็บบริเวณหลังหู
3.ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA HTC
สำหรับท่านที่มีปัญหาเส้นที่คอ หรือคอหย่อนคล้อยไม่มาก ปัจจุบันมีวิธีการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิด CaHA HTC ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยให้ผิวคอตึงกระชับยิ่งขึ้น และเส้นที่คอจางลง โดยไม่ต้องใช้การผ่าตัดค่ะ
ข้อดี DPL NeckLift
1.แก้ปัญหาระดับลึก เทคนิคนี้จะแก้ปัญหาตั้งแต่กล้ามเนื้อชั้นลึก ต้นตอของปัญหา ไปจนถึงชั้นผิวหนัง จึงได้ผลลัพธ์ที่ดี เป็นธรรมชาติกว่าเทคนิคแบบเก่าที่มุ่งเน้นเฉพาะผิวหนังชั้นนอก
2.ผลลัพธ์ยาวนาน ด้วยการแก้ปัญหาในชั้นลึก และเทคนิคการเย็บด้วยไหมพิเศษ จึงได้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างถาวร ยาวนาน
3.เป็นธรรมชาติ ด้วยเทคนิคนี้ จะไม่เกิดปัญหาดึงรั้งของผิว หรือเป็นรอยยับจากการดึง เหมือนเทคนิคการดึงหน้าแบบเดิม ทำให้ได้ผลลัพธ์ธรรมชาติ มองไม่ออกว่ามีการผ่าตัดดึงหน้ามา
4.ช่วยปรับรูปหน้าให้ดีขึ้น เพราะเทคนิค DPL เป็นการแก้ไขชั้นลึก จึงทำให้กรอบหน้า ลำคอ มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย มีช่วงกรามที่ยาวขึ้น เห็นกรอบหน้าชัดขึ้น แก้มที่ห้อยดีขึ้น ซึ่งวิธีแบบเดิมจะไม่แก้ปัญหานี้
5.ทำได้ครบในครั้งเดียว ด้วยเทคนิค DPL สามารถทำดูดไขมัน เย็บกล้ามเนื้อ ตัดไขมันชั้นลึก ได้ในครั้งเดียว ต่างจากการรักษาดูดเหนียง หรือดึงหน้าแบบเก่า ที่ต้องแยกการรรักษาเป็นหลายครั้ง การทำ DPL จึงคุ้มค่ากว่า พักฟื้นน้อยกว่า และใช้เพียงแผลเดียว ไม่ต้องมีแผลที่มากกว่าด้วยค่ะ
ทำไมต้องอิสสวีร์คลินิก
ที่อิสสวีร์คลินิก เรามีประสบการณ์รักษาเข้าสู่ปีที่ 12 โดยทีมแพทย์ของอิสสวีร์คลินิกในการรักษา DPL NeckLift ทุกท่าน เป็นศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่มีประสบการณ์ เรามีห้องรักษา ผ่าตัด และอุปกรณ์ที่ทันสมัยได้มาตรฐาน ผ่านการรับรอง และเราไม่หยุดที่จะพัฒนาทั้งความรู้ ความสามารถ เทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ทุกท่านมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
ทีมแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทาง
ทีมแพทย์ของเราในการรักษาผ่าตัด DPL NeckLift จะใช้แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งเท่านั้นค่ะ เพราะเป็นหัตถการที่ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษ ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง นำทีมโดย หมอหลิน ณัฏฐา พญ.ณัฎฐาพร ปิยะสาธุกิจ แพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งเฉพาะทางค่ะ
เทคโนโลยีที่ทันสมัย
ที่อิสสวีร์คลินิก เราพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอตั้งแต่วิธีการรักษา ไปจนถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ เรามีการทดลอง เปรียบเทียบ และเลือกใช้เครื่องมือที่แม่นยำ ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมไปถึงมาตรฐานในการผ่าตัด ความสะอาด และสิ่งแวดล้อมที่จะให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดค่ะ
Testimonial ผลลัพธ์มากมายตลอด 10 ปี
ไม่มีอะไรจะแสดงความเชี่ยวชาญของเราได้มากเท่ากับผลลัพธ์ที่เห็นได้จริงจากคนไข้ตลอด 10 ปีของเรา เรามีรูปเปรียบเทียบการรักษาจำนวนมากที่สามารถขอดูเพิ่มเติมได้ค่ะ
คำถามที่พบบ่อย
1. ดูดไขมันเหนียงไปแล้ว ผิวหนังจะหย่อนไหมคะ?
คำตอบ : ผู้ที่จะดูดเหนียงได้ ผิวหนังบริเวณเหนียงจะต้องไม่หย่อน ไม่เหี่ยว ซึ่งส่วนมากถ้าอายุไม่เยอะจะไม่เจอปัญหานี้ค่ะ หมอเคยดูดอายุมากสุด 50 ก็ยังได้ผลดีค่ะ ถ้าผิวยังแข็งแรง แต่ถ้าผิวเหี่ยวหมอก็สามารถเสนอวิธีการแก้ไขให้จบในครั้งเดียวได้ค่ะ
2. เหนียงเยอะแค่ไหน ถึงดูดแล้วเห็นผลชัดเจน?
คำตอบ : ไขมันบริเวณเหนียงควรมีความหนาอย่างน้อย 8-10 mm ซึ่งหลังดูดจะลดลงประมาณ 50%
3. ดูดไขมันเหนียงไปแล้วผิวจะเป็นคลื่นไหม
คำตอบ : เหนียงเป็นบริเวณที่หลังดูดแล้วกระชับได้ดี ไม่ค่อยพบว่าเป็นคลื่นหรือไม่เรียบ แต่ก็ต้องทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และผิวหนังของคนไข้ต้องยังยืดหยุ่นดีด้วยค่ะ
4. เหนียงเยอะแค่ไหนถึงดูดได้?
คำตอบ : ในคนที่น้ำหนักตัวเยอะก็สามารถดูดเหนียงได้ ส่วนคนน้ำหนักน้อยยิ่งดูดก็จะยิ่งได้ผลดีค่ะ
5. ผอมแต่มีเหนียง เกิดจากอะไร?
คำตอบ : จากการที่ไขมันสะสมมากผิดตำแหน่ง มีเซลล์ไขมันอยู่บริเวณเหนียงเยอะ ผอมลงแต่ก็ยังจะมีเหนียงอยู่ต้องเอาเซลล์ออกโดยการดูดไขมันค่ะ แต่บางคนไขมันเหนียงน้อย แต่เวลาก้มแล้วเป็นชั้น ๆ ดูกรอบหน้าไม่ชัด สาเหตุอาจจะมาจากอย่างอื่นร่วมด้วย เช่นคางสั้นไป กระดูกกรามเล็ก ผิวหย่อน ซึ่งหมอก็จะต้องตรวจอย่างละเอียดก่อนค่ะ
6. ดูดไขมันเหนียง เก็บไขมันส่วนไหนบ้าง?
คำตอบ : การดูด หมอจะเน้นบริเวณใต้คาง เนื่องจากไขมันมักอยู่บริเวณนี้มาก ร่วมกับบริเวณกรอบหน้า ซึ่งจะเน้นให้เห็นกรอบหน้าชัดเป็นหลัก
7. ไขมันหน้าเยอะมาก ดูดไขมันเหนียงทั้งที สามารถดูดไขมันแก้มด้วยได้ไหม?
คำตอบ : หมอจะไม่ดูดบริเวณแก้มทั้งหมด เนื่องจาก มีวิจัยมากมายว่า ถ้าดูดแก้มจะทำให้เหี่ยวเร็ว และอาจจะทำให้แก้มหย่อนผิดรูปได้ การดูดกรอบหน้าบริเวณใต้กระดูกจะปลอดภัยกว่ามาก และก็ให้ผลที่ดีเช่นกัน แต่หมอจะเลือกดูดเฉพาะในบริเวณที่ปลอดภัยแล้วไม่ทำให้หน้าเหี่ยวมากขึ้นค่ะ
8. ดูดไขมันเหนียงเจ็บมากไหม?
คำตอบ : เหนียงเป็นบริเวณที่เจ็บน้อยที่สุด (ส่วนมากจะบอกหมอว่าเจ็บ 1 คะแนน จาก 10 คะแนน) โดยจะเจ็บเฉพาะช่วงฉีดยาชาเท่านั้นค่ะ
9. ดูดไขมันต้องลางานพักฟื้นไหม?
คำตอบ : หลังดูดเหนียงจะมีอาการบวมไม่มาก สามารถไปทำงานได้เลย อาการบวมจะไม่บวมออกมามากกว่าก่อนดูด ส่วนมากคนใกล้ตัวยังไม่รู้ว่าทำอะไรมา ยกเว้นบางท่านถ้ามีอาการช้ำก็อาจจะสังเกตได้บ้าง
10. ใช้เวลาดูดนานเท่าไร?
คำตอบ : ขั้นตอนการดูดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ
11. ดูดไขมันเหนียง มีแผลตรงไหน
คำตอบ : มีแผลใต้คาง เป็นแผลเล็ก ๆ มากค่ะ
12. เลือกดูดไขมันแล้ว เหนียงจะหายถาวรจริงไหม?
คำตอบ : หลังทำ ผลจะอยู่ค่อนข้างถาวร ยกเว้นว่าอ้วนขึ้นมาก ๆ จนไขมันไปสะสมที่อื่นที่ยังมีเซลล์ไขมันอยู่ บริเวณที่เซลล์ไขมันน้อยก็จะขยายตัวได้น้อยค่ะ
13. ต้องดมยาสลบหรือไม่
คำตอบ : ไม่จำเป็นครับ สามารถฉีดยาชาทำได้ ทำเสร็จกลับบ้านได้เลย (ช่วยลดความเสี่ยงจากการดมยาสลบ)
14. เจ็บหรือเปล่า
คำตอบ : ความเจ็บ อยู่ที่ประมาณ 3 เต็ม 10 เจ็บช่วงฉีดยาชา ข้างละ ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น
15. ทำแล้วเล็กเลยหรือเปล่า
คำตอบ : หลังทำจะเห็นผลทันที แต่จะเห็นผลดีที่สุดหลังยุบบวมแล้ว คือ 3-6 เดือนหลังทำ
16. ต้องพักฟื้นนานแค่ไหน
คำตอบ : หลังทำสามารถใช้งานปกติได้เลย แต่จะมีน้ำซึมจากแผล และระบมในช่วง 3 วันแรก ต้องใส่ชุดกระชับตลอดในช่วง 1 เดือนแรก
17. ทำแล้วผิวจะเป็นคลื่นไหม
คำตอบ : ถ้าอายุน้อย ผิวหนังเต่งตึงดี และไม่ดูดมากจนเกินไป โอกาศเป็นคลื่นน้อยมากครับ
18. ทำไมคิวมีน้อย
คำตอบ : ที่อิสสวีร์ เราจำกัดการรับเคส เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดครับ
19. ดูดไขมัน ราคา และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
คำตอบ : สำหรับการดูดไขมัน ที่อิสสวีร์คลินิก จะประเมินค่าใช้จ่ายเริ่มต้น ตามตำแหน่งที่ทำการดูดเป็นหลักก่อน โดยจะมีราคาเริ่มต้น ดังนี้
ต้นแขน : ราคาเหมารอบแขน 39,900 บาท กรณีเพิ่มดูดบริเวณนมน้อยและปีกหลัง จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
เหนียง : ราคาเหมาเหนียง 29,900 บาท กรณีเพิ่มการดูดบริเวณกรอบหน้า ตัดกระพุ้งแก้ม เย็บกล้ามเนื้อคอ (แผลเล็ก) ดึงคอ ดึงหน้าส่วนล่าง จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
หน้าท้อง : ราคาเหมาหน้าท้องบนล่าง 39,900 บาท กรณีเพิ่มเอวหน้า เอวหลัง เซ็กซี่ไลน์ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ต้นขา : ราคาเหมาต้นขาด้านในหรือด้านนอก 39,900 บาท กรณีเพิ่มสะโพก จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
** ในกรณีหากเคยดูดไขมันมาก่อน จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม